"ประยุทธ์" นำคณะเยือนน่าน พร้อมมอบโฉนด ขอชาวบ้านอย่านำไปทำกินใช้ผิดวัตถุประสงค์ ชี้รัฐมอบให้เป็นชิ้นสุดท้าย ส่วนปัญหาหมอกควัน วอนทุกส่วนร่วมมือแก้ อย่าให้ใครมาบิดเบือนข้อมูล ขู่ลงโทษคนเลวๆกักตุน
วันนี้ (12ก.พ.) เมื่อเวลา 14.10 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน อ.เมืองน่าน จ.น่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) และคณะ ได้เดินทางมาร่วมติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของจังหวัดน่าน โดยนายกรัฐมนตรีได้รับชมการแสดงร้องเพลงประสานเสียง “เพลงธงชาติ” จากนักเรียนชนเผ่าอำเภอสองแควร่วมกัน 6 ชนเผ่า (ไทลื้อ เมี่ยน ม้ง ขมุ ถิ่น และก่อ) จากนั้นนายวรกิตติ ศรีทิพากร ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวรายงานความก้าวหน้าการบริการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดน่าน และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานความก้าวหน้าการบริหารพื้นที่รูปแบบพิเศษ (Nan Sandbox) พร้อมประกาศเดินหน้านโยบายรัฐบาลของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่จะขับเคลื่อนทั่วประเทศ
ต่อมานายกรัฐมนตรีมอบที่ดินโฉนดคืนให้แก่เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน 2 ราย และเป็นประธานสักขีพยาน ร่วมกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีทส. มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รวมถึงมอบเอกสารโครงการจัดระเบียบการใช้ที่ดินป่าไม้ให้แก่ชุมชน จำนวน 5 ราย
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า ยินดีที่ได้เดินทางมาติดตามและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งทุกจังหวัดก็ไปเหมือนกัน คือให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นลำดับแรก พร้อมยืนยันว่าที่เข้ามาทำทำหน้าที่ไม่ใช่ฐานะนักการเมือง แต่เพื่อมาจัดการและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจและถามกลับไปยังผู้แทนประชาชนแต่ละคนว่าเขาจะได้อะไรจากการเข้ามาทำหน้าที่ของส.ส. ส่วนตัวมีความตั้งใจอยู่แล้วที่จะมาทำงานตรงนี้ เพื่อวางกรอบการบริหารจัดการให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ระบบเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งโครงการสร้างพื้นฐาน อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ก็เป็นแผนของรัฐบาลที่ต้องคำนวณไว้ว่าจะต้องมีการใช้งบประมาณเท่าไหร่ และหนี้สาธารณะมากแค่ไหน ยืนยันว่ารัฐบาลทำงานอย่างรอบคอบ และพยายามที่จะทำงานตามเจตนารมณ์ของประชาชน ส่วนเรื่องปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนาน ทางรัฐบาลก็พยายามที่จะเชื่อมโยงโขงข่ายในพื้นที่เก็บน้ำให้เกิดความทั่วถึง แต่ต้องยอมรับว่าบางพื้นที่เป็นของเอกชน ทำให้การประสานเพื่อขอความร่วมมืออาจเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงการเยียวยาประชาชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยมีปริมาณน้ำและในเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่กลับมีระบบในการจัดการหรือกักเก็บน้ำค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง เหล่านี้ต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ในเชิงบูรณาการ เพราะถ้าไม่เข้าใจกัน โทษกันไปมาก็ไม่เกิดความร่วมมือ จึงอยากฝากข้าราชการทุกส่วนให้ช่วยกันดำเนินโครงการแต่ละอย่างให้ประสบผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และภายหลังงบประมาณปี 2563 ผ่านแล้วก็จะเร่งเบิกจ่ายให้ได้โดยเร็ว หลังจากรัฐบาลใช้งบประมาณสำรองในการทดลองจ่ายไปก่อน
นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่เรื่องไฟป่า ปัญหาทั้งหมดเชื่อว่าหลายคนทราบดีว่ามีปัจจัยจากอะไร ซึ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดอาจไม่ได้มีปัญหามากนักเหมือนในเมืองใหญ่ ซึ่งมีปัญหาเรื่องของการจราจร แต่เป็นเรื่องของการเผาพื้นที่ไร่นา จึงต้องมีการวางแผนจัดการเพื่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวน้อยที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าสภาพความกดอากาศที่มาจากภูมิภาครอบประเทศไทยก็มีส่วนทำให้ฝุ่นและหมอกควัน ไม่สามารถคลี่คลายลงได้ จึงอยากให้หลายคนเข้าใจที่มาที่ไปของปัญหา โดยที่ต้องระวังไม่ให้มีใครมาบิดเบือนข้อมูล ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรที่จะมีใครทำให้เกิดความแตกแยก คนไทยต้องอยู่ด้วยกันอย่างสามัคคี ทั้งนี้ ไม่อยากให้มีการแบ่งกลุ่มถกเถียงในหลายๆ เรื่อง แต่เห็นควรว่าหากมีเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็อยากให้มาร่วมมือกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น อย่าสร้างปัญหาใหม่มาแทนปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนปัญหาเก่า
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการมอบโฉนดที่ทำกินให้กับประชาชนและจะเดินหน้าปลดล็อกที่ดินให้ได้ทั่วประเทศ จึงขอให้ทุกคนนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของการเกษตรให้ได้มากที่สุด ขออย่านำที่ดินที่รัฐบาลได้มอบให้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือขายต่อให้บุคคลอื่น เพราะเป็นที่ดินผืนชิ้นสุดท้ายที่รัฐบาลทำให้ อย่าให้หลุดมือ โดยรัฐบาลต้องเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ วันนี้ข้าราชการจะต้องพบปะประชาชนทุกคน ไม่ใช่หลบกันไปมา คำถามมีคำตอบ มีการชี้แจง
“ซึ่งวันนี้ผมก็คงพูดไปเยอะแล้ว 5 ปีที่ผ่านมาก็พูดไปเยอะแล้ว ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่พูดเยอะที่สุด เพราะตนต้องการให้ทุกคนเรียนรู้และคิดไปกับตน มันก็คงจะดีกว่าที่ต้องทำให้เขารักตนคงไม่ใช่ แต่ผมทำเพื่อให้รักประเทศชาติและแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนเผ่า ทั้งหมดเราเป็นคนไทยจะแตกแยกกันไม่ได้ทั้งสิ้น ใครมาสอนให้แตกแยก ไม่รักกัน ผมคิดว่าใช้ไม่ได้ เวลานี้คนไทยไม่ต้องการคนแบบนี้ หรือใครต้องการก็แล้วแต่ ถ้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ลองทำ ไม่ได้แก้ปัญหา อย่ามาพูดว่าที่ท่านพูดมันดีกว่าผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า ต่อมาเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่วนตัวไม่ได้สนใจว่าการดำเนินการจับกุมได้มากน้อยแค่ไหน แต่สนใจว่าจะแก้ไขปัญหาในเรื่องปัญหาผู้ติดยาเสพติดได้อย่างไร
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวถึงปัญหาราคาสินค้าตกลงในหลายๆ อย่าง เนื่องจากภาวะสงครามการค้า ประกอบกับประเทศมหาอำนาจได้มีการทำผลผลิตที่ใช้ได้เอง โดยไม่ต้องอวซับการซื้อจากประเทศอื่น ไทยจึงมีคู่แข่งมากขึ้น สิ่งสำคัญคือจะมีวิธีการอย่างไรทำให้ผลผลิตและราคาสูงขึ้น และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกันคิดในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม เช่น ผลผลิตข้าว ยางพารา ส่วนปาล์มน้ำมัน ตอนนี้รัฐบาลก็ช่วยแก้ปัญหาทำให้มีราคาสูงขึ้น แต่ตราบใดก็ยังมีคนเลวๆ กักตุนอยู่ ตนว่าจะต้องมีการลงโทษพวกขี้โกงเหล่านี้
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการการพัฒนาจังหวัดน่านในมิติต่างๆ รวมถึงได้ชิมกาแฟ “ภูมิใจ๋ คอฟฟี่” ของคนเมืองน่าน พร้อมชิมอาหารเหนือแกงฮังเล ที่นำมาร่วมนิทรรศการภายในงานด้วย นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ทักทายและถ่ายภาพร่วมกับนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเด็กๆ ต่างรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ถ่ายภาพร่วมกันนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด