รมว.ดีอีเอส สั่งรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อโซเชียลฯ เพื่อปรับปรุงเพิ่มบทลงโทษหนักขึ้น หลังมีคนโพสต์เลียนแบบเหตุการณ์กราดยิงโคราช ยอมรับปัจจุบันภาครัฐยังตามไม่ทัน ชี้ กสทช.มีอำนาจเต็มตักเตือน-ลงโทษสื่อ
วันนี้ (11 ก.พ.) เวลา 08.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่ จ.นครราชสีมา ที่มีทั้งข่าวจริงและข่าวไม่จริงออกมากระทรวงฯ ดูแลอย่างไรบ้างว่า กระทรวงดูแลอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาเราเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีหลายมุมมองจากประชาชน เชื่อว่าโดยส่วนใหญ่ใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามข่าวสาร แต่ในอีกมุมหนึ่งมีคนบางกลุ่มมีการใช้ช่องทางดังกล่าวสร้างตัวตนให้มีคนติดตามด้วยการใช้วิธีคิดที่ผิด จะเห็นว่าหลังเกิดเหตุก็มีหลายรายที่พยายามสร้างการลอกเลียนแบบใช้สถานการณ์ที่โคราช หลังจากที่เราได้ข้อมูลจากประชาชนก็ดำเนินการติดตามจับกุมได้ 4-5 ราย เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาการนำเสนอข่าวเกิดขึ้นจะมีการเรียกสื่อหลักทุกสื่อเข้าไปทำพูดคุยทำความเข้าใจหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ทราบว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีอำนาจเต็ม โดยเฉพาะสื่อที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล ตนเห็นว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ กสทช.จะประชุมซึ่งมีวาระที่จะเชิญสื่อเข้าร่วมพูดคุยวางกฎเกณฑ์ ระเบียบ แนวคิดและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้จะต้องรอดู กสทช.จะดำเนินการอย่างไร เพราะ กสทช.มีอำนาจเต็มตามกฎหมายในการตักเตือน และดำเนินการลงโทษ
เมื่อถามต่อว่ากรณีการโพสต์ข้อความเลียนแบบเหตุการณ์ที่โคราชเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวดไม่ให้มีการกระทำแบบเช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า กระทรวงมอบหมายให้รองปลัดกระทรวง รวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องการใช้และบังคับใช้กฎหมายในเชิงการสื่อสาร โดยเฉพาะสื่อดิจิทัล พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นๆ ที่ต้องปรับปรุง รวมถึงบทลงโทษที่ต้องปรับปรุงเน้นบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น รูปแบบการลงโทษและเกณฑ์จะต้องขยายให้มากขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียขยายและพัฒนาไปมากขึ้น ภาครัฐยังไปไม่ถึงไม่ทัน รวมถึงกฎหมายที่เรามีอยู่ไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะอำนาจของกระทรวง หรือหน่วยงานหลายหน่วยงานไปไม่ถึง ไม่มีอำนาจสืบสวน ตรวจสอบในสถานการณ์จริง หลายเรื่องจึงต้องปรับแก้ไขให้กฎหมาย โดยตนได้สั่งการไปแล้วเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้กำลังศึกษาอย่างเร็วที่สุด