xs
xsm
sm
md
lg

ยอมรับชะตากรรม! “ตู่” ปลงตก 6 ก.พ.ศาลฎีกาตัดสิน นปช.บุกบ้านป๋าเปรม ขณะ “ธิดา” ยังฝันเฟื่องไม่หยุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศาลฎีกาเคาะวันพิพากษาคดีแกนนำ “นปช.” บุกบ้าน “ป๋าเปรม” 6 ก.พ.นี้ ขณะที่ “ตู่-จตุพร” น้อมรับชะตากรรมทุกอย่าง “ปลงตก” กับสิ่งที่เกิดขึ้นและผลลัพธ์ ด้าน “ธิดา” ยังฝันเฟื่อน ตีกินนักประชาธิปไตยรุ่นใหม่

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ก.พ. 63) เฟซบุ๊กเพจยูดีดีนิวส์ - UDD news ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์หัวข้อ “6 ก.พ.นี้ ลุ้นคดีหน้าบ้านสี่เสาฯ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา”

เนื้อหาระบุว่า “วันพฤหัสที่ 6 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีดำเลขที่ 3531/2552 ในคดีแกนนำ นปช.ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2550 ภายหลังจากเลื่อนการอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 23 ก.ย. 62 เนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นแกนนำ นปช.4 คนยื่นคำร้องขอกลับคำให้การใหม่เป็นรับสารภาพ

สำหรับจำเลยในคดีนี้ประกอบด้วย - นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - นพ.เหวง โตจิราการ - นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท - นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล

ซึ่งในคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 58 ให้จำคุกนายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, น.พ.เหวง และนายวิภูแถลง คนละ 4 ปี 4 เดือน ส่วนนายนพรุจ ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน

และเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 60 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้จำคุกแกนนำนปช. คนละ 2 ปี 8 เดือน และนายนพรุจ ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน

ขณะเดียวกัน วันที่ 5 ก.พ. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือ “ตู่” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ “หยิบข่าวมาคุย” ถึงกรณีศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีแกนนำ นปช.บุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า

ได้มีโอกาสพูดคุยกับบรรดาหมู่มิตร เราเองก็น้อมรับชะตากรรม เพราะว่าการเข้าคุกออกคุกกันในช่วง 10 ปี ก็สลับมือกันโดยตลอด บางคนอาจจะมาก บางคนอาจจะน้อย

“ต้องทำใจว่า คนในขบวนการออกมาแทบจะไม่เหลืออยู่ในทางการเมือง เพราะว่าจะติดคุกกี่วันก็ตาม หลังจากพ้นโทษก็จะต้องบวกโทษทางการเมืองอีก 10 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตร คดียึดทำเนียบก็ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างกัน”

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ผลคำวิพิพากษาจะออกมาอย่างไรในวันพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับพี่น้องเรา ก็สุดแท้แต่ศาลท่านจะมีดุลพินิจออกมา พิพากษาอย่างไรก็ว่ากันตามนั้น ตนก็จะไปให้กำลังใจในวันพรุ่งนี้

ประธาน นปช.กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีนี้ ตนในฐานะที่เข้าคุกบ่อยมากกว่าคนอื่นก็ได้อธิบายความกันว่าเรายังมีอีกหลายเรื่องราวซึ่งไม่ใช่ฝ่าย นปช.เท่านั้น เราอาจจะติดคุกมากกว่าใครเขา ฝ่ายอื่นๆ ก็อยู่ในกระบวนการ พิจารณาในชั้นศาลซึ่งก็ถูกกันทุกฝ่าย แล้วก็โทษสูงสุดของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น นปช. พันธมิตร กปปส. โทษสูงสุดคือประหารชีวิตทั้ง 3 ฝ่าย นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าพวกเรานั้นจะติดคุกมากกว่าเขาหน่อยเพราะว่าคดีก็เดินกันมายาวนานพอสมควร

“ทั้งหมดเป็นเรื่องชะตากรรม และผมก็ไม่ก้าวล่วง ศาลท่านพิจารณาอย่างไรก็ว่ากันตามนั้น ก็ทำหน้าที่ในการเป็นมิตรว่านี่คือชะตากรรม” (รายงานข่าวจากไทยโพสต์)

สำหรับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในจำเลยที่ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา คดีดำเลขที่ 3531/2552 ในคดีแกนนำ นปช.ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ วันที่ 6 ก.พ.นี้ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเหมือนไม่วิตกกังวลอะไร ระบุว่า “ของมันแรง... ขนาดส่งหงส์แบน (ชุดเล็ก) ลงทั้งชุดยังทะลุเข้ารอบ 5 ได้

รอบต่อไปเจอเชลซี ไม่รู้ต้องส่งหงส์กลม (ชุดใหญ่) ลงสู้หรือเปล่า

ชั่วโมงนี้ไม่ว่าหงส์ไหน อีกฝ่ายหัวทิ่มหัวตำทั้งนั้น”

ภาพจากแฟ้ม
แต่ถึงกระนั้น เฟซบุ๊ก อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ยังโพสต์หัวข้อ “การก่อเกิดและชีวิตของขบวนการประชาชนทางการเมือง”

ระบุว่า “โดยทั่วไปจะมีระยะเวลาสั้นๆ เมื่อบรรลุภารกิจก็จะสลายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยมในประเทศไทย ซึ่งจะสลายตัวไปเมื่อมีการทำรัฐประหารสำเร็จ องค์กรจัดตั้งของมวลชนอนุรักษนิยมซึ่งเป็นเครื่องมือเบิกทางให้กับการทำรัฐประการก็ถือว่าบรรลุภาระหน้าที่ก็สลายตัวไป แต่ถ้ายังทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลต่อก็อาจถูกจัดการโดยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้

ฝ่ายมวลชนที่ต่อต้านขบวนการจารีตนิยมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต่อต้านการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่แล้วมาในอดีตจะเป็นขบวนการ 14 ตุลาคม 2516 หรือพฤษภา 2535 ก็มีอายุไม่นาน แม้จะประสบความสำเร็จในการขับไล่เผด็จการทหารบางช่วงเวลา มักมีปัญหาความขัดแย้งและหรือถูกทำให้สลายตัวไป

ตรงข้ามกับการก่อเกิด นปช. ขบวนการประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้มายาวนานตั้งแต่ 2549 จนปัจจุบัน 2563 มีความสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ถูกจับกุมคุมขัง คดีความมีทุกประเภท ตั้งแต่หมิ่นประมาทไปจนถึงผู้ก่อการร้าย โทษจำคุกส่วนใหญ่ก็หนัก แม้จะเป็นข้อหาหมิ่นประมาทก็ตาม

เมื่อพูดถึงคนในองค์กร นปช. ก็หมายถึงองค์กรสันติวิธีที่ไม่มีกองกำลังอาวุธ ไม่มีการยึดสถานที่ราชการ หรือยึดทำลายร้านค้า, ตึกรามบ้านช่อง ไม่ใช่ขบวนการเผาบ้านเผาเมืองและล้มเจ้าแต่ประการใด แต่การใส่ร้ายป้ายสี โจมตีด้วยความเท็จและมุ่งทำลายล้างจากฝ่ายจารีตนิยม เผด็จการทหาร ยังดำรงอยู่ สืบทอดมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาอำนาจเผด็จการทหารและชนชั้นนำจารีตนิยม

คำถามคือขณะนี้สถานการณ์ฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและ นปช. เป็นอย่างไร?

ดิฉันคิดว่า สถานการณ์ฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ขยายตัว และมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งในส่วนพรรคการเมืองและประชาชนทั่วไป ในขณะที่แกนนำ นปช.เดิม ก็ต้องสาละวนกับการต่อสู้คดี ทั้งทางอาญา, แพ่ง และเข้าคุกเป็นส่วนใหญ่ เราก็มีคนใหม่ๆ แกนนำใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยภาพรวมดิฉันคิดว่าดีกว่าเมื่อก่อนนี้ แม้จะไม่มีการชุมนุมขนาดใหญ่ดังยุคก่อนก็ตาม

เพราะเป็นต้นไม้ที่ผลัดใบเก่า ผลิตใบใหม่ แตกกิ่งก้านสาขามากขึ้น ไม่ใช่พุ่งชะลูดเป็นไผ่ลำเดียว แต่เป็นการแตกกอ ขยายตัว ด้านหนึ่งอาจคิดว่าไม่มีความเป็นเอกภาพ แต่ดิฉันพิจารณาว่าตราบเท่าที่ฝ่ายปฏิปักษ์อำนาจประชาชนเป็นหนึ่งเดียวชัดเจน การต่อสู้ของประชาชนก็จะมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ใหญ่ร่วมกัน นี่คือเอกภาพในเป้าหมายปัจจุบัน จังหวะก้าวในการต่อสู้น่าจะไม่ยากในการทำความเข้าใจ และปฏิบัติได้อย่างเป็นเอกภาพ และยังต้องใช้หลักแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตน, กลุ่มตน เหนือกว่าผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

ส่วนแกนนำ นปช.เดิมๆ ส่วนมากก็เวียนกันเข้าคุกและต่อสู้คดียาวนานนับสิบๆ ปี ขาและแขนก็ถูกพันธนาการโดยโซ่ตรวนทางกฎหมาย (ที่ประชาชนไม่ได้เขียนและไม่ได้ใช้อำนาจ) และบ้างก็ไปสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ กัน ทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยและพรรคฝ่ายเผด็จการ ถ้ายึดผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก หวังผลตอบแทนจนได้เข้าอยู่เป็นอำนาจรัฐ ภาวะนักต่อสู้ก็จะหมดไป บางคนไม่หมดก็จริง แต่ภาวะนักต่อสู้หรือนำการต่อสู้จะจางไปเรื่อยๆ

นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลา (และเรื่องราว) พิสูจน์คน ว่าเป็นนักต่อสู้ประชาชนจริงหรือไม่ แต่ไม่ต้องวิตกไป เพราะมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ การต่อสู้ของประชาชนที่ก้าวหน้านั้นมีชีวิต ไม่ได้หยุดนิ่ง ยึดติดกับบุคคลหรือองค์กรใดๆ

นี่เป็น 13 ปีของการต่อต้านเผด็จการที่ยาวนานกว่าการต่อสู้ของขบวนการประชาชนใดๆ ที่เคยมีมาในอดีต เมื่อภารกิจยังไม่บรรลุ การต่อสู้ของประชาชนก็จะขับเคลื่อนต่อไป”

แน่นอน, สิ่งที่ต้องลุ้นก็คือ คำพิพากษาศาลฎีกา จะยืนตามศาลอุทธรณ์หรือไม่ หรือการกลับคำรับสารภาพจะมีผลให้ศาลฯลดโทษให้มากน้อยแค่ไหน หรือไม่

ทั้งน่าสนใจ คำพูดของ “ตู่-จตุพร” ที่ทำให้เห็นว่า ขุนพลในเวทีการเมือง จาก นปช., พันธมิตรฯ, กปปส. จะลดลงโดยปริยาย เนื่องจากถูกตัดสินจำคุก ไม่ว่ามากหรือน้อย ก็เจอกันถ้วนหน้า เว้นวรรคการเมือง 10 ปี เช่นกัน

ด้านหนึ่ง เหมือนเป็นบทเรียนที่พยายามส่งต่อให้กับ นักเคลื่อนไหวรุ่นน้อง ที่กำลังร้อนวิชาสุดๆ ที่จะนำคนลงสู่ถนน อีกด้านหนึ่ง เหมือนคนที่กำลัง “ปลงตก” และต้องการบอกว่า นี่คือ ผลที่ได้ จากการต่อสู้เคลื่อนไหวที่ผ่านมา มันกำลังจบลงแล้ว ซึ่งอิสรภาพ และชีวิตทางการเมือง

ใครยังอยากจะเจริญรอยตามก็ต้องคิดให้ดี ว่าคุ้มหรือไม่ ที่ไม่นับความสูญเสียชีวิตและร่างกายมวลชน ระหว่างทางที่ต่อสู้ ยิ่งเป็นการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่า เป้าหมายคือประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือไม่ หรือเพื่อใครด้วย!?


กำลังโหลดความคิดเห็น