ส.ส.พลังธรรมใหม่ รับหนังสือภาคีเครือข่ายกัญชาฯ เตรียมผลักดันศึกษาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้คุณทางการแพทย์ ดันกัญชา กัญชง กระท่อม เป็นพืชเศรษฐกิจ ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่การใช้ในเชิงสันทนาการ ต้องหารือกันในรายละเอียด
วันนี้ (29 ม.ค.) นายบัณฑูร นิยมาภา ประธานภาคีเครือข่ายกัญชาเพื่อประชาชน พร้อมตัวแทนเครือข่ายเข้ายื่นหนังสือต่อนายแพทย์ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เพื่อขอให้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้คุณทางการแพทย์ ฉบับภาคประชาชน โดยรวบรวมรายชื่อมากกว่า 10,000 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 133
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้คุณทางการแพทย์มีรายละเอียดทั้งหมด 8 หมวด 60 มาตรา โดย รศ.พ.ต.ท.หญิง ฐิชาลักษณ์ ณรงค์วิทย์ ที่ปรึกษาสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย ชี้แจงรายละเอียดว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาของภาคประชาชนฉบับแรก และได้นำเสนอตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 แล้ว ผ่านการตรวจสอบจากประธานรัฐสภา และเห็นว่าร่างกฎหมายไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญหมวด 5 จึงเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 133 ที่จะเสนอร่างกฎหมาย ซึ่งเนื้อหาสาระที่สำคัญเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่แยกออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 โดยแยกออกมาเป็นพืชเศรษฐกิจให้คุณ ไม่ใช่พืชเสพติดให้โทษ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการใช้พืชเสพติดให้คุณทั้งประเทศไทย ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การปลูก การสกัด การนำมาใช้ในการพัฒนา และการศึกษา และชี้ว่าว่าผลประโยชน์จะต้องตกเป็นของประชาชน ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างเศรษฐกิจ เป็นรายได้ให้กับแผ่นดิน ขณะที่การใช้ภาคครัวเรือนก็ควร อนุญาตให้ปลูกได้ 1 ถึง 6 ต้นต่อครัวเรือน เพื่อการบริบาลสุขภาพและการรักษา การจัดระบบการควบคุมทำให้นานาอารยประเทศยอมรับ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพในพืชกัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งเป็นพืช 3 ตัวหลักที่จะนำมาซึ่งการสร้างเศรษฐกิจทางการแพทย์ และมีความสุขในการใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงควรมีการสอนเกี่ยวกับการใช้พืชเสพติดให้คุณทุกระดับการศึกษา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า จะเชิญให้ตัวแทนเครือข่ายเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ครอบคลุมภารกิจของคณะกรรมาธิการ แต่ก็ต้องมีการหารือกันในรายละเอียด และทราบว่าภาคประชาชนก็จะนำเรื่องนี้ไปยื่นเพื่อขอให้ทุกพรรคการเมืองสนับสนุนผลักดันร่างให้ผ่าน
ส่วนกรณีจะเป็นร่างกฎหมายประกอบกับรากที่พรรคภูมิใจไทยเสนอไปก่อนหน้านี้เลยหรือไม่นั้น นพ.ระวีกล่าวว่า คาดว่าทุกร่างที่เกี่ยวข้องจะมีการพิจารณาประกบกันหมดซึ่งจะต้องมีการหารือกันในรายละเอียด อาจมีบางข้อที่เห็นด้วย และบางข้อที่ไม่เห็นด้วย จะต้องมีการศึกษาผลกระทบในรายละเอียด และสุดท้ายคงจะจบที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแนวโน้มของคณะกรรมาธิการปลดล็อกเพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถใช้เป็นพืชเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ แต่จะปลดล็อกเพื่อใช้ในเชิงสันทนาการหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันในรายละเอียดต่อไป