ผู้จัดการรายวัน360- ครม. มีมติเห็นชอบ ถอด"กัญชง" พ้นยาเสพติด ตามที่สธ.เสนอ พร้อมดันเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ระบุครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ ตามสายพันธุ์ที่รัฐกำหนด
วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบ ร่าง กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 เฉพาะ กัญชง (Hemp)พ.ศ. … ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ มุ่งเน้นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทดแทนกฎกระทรวงฯเดิม ที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งมีความเข้มงวด และไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกฎกระทรวงฯใหม่นี้ มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของครม. ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และพัฒนานวัตกรรมทางการเกษตร
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเน้นการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพรในการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากส่วนอื่นของกัญชงนอกจากเส้นใย ได้แก่ ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง และอาหาร รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนากัญชงให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานในระดับสากลเพื่อการส่งออกในอนาคต
สำหรับสาระสำคัญของ กฎกระทรวงฯใหม่นี้ ได้แก่ การอนุญาตให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลสามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ในเชิงพาณิชย์ โดยยื่นขอตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยนิติบุคคลจะต้องมี กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น อย่างน้อยสองในสาม เป็นผู้มีสัญชาติไทย นอกจากนี้ ยังกำหนดให้การขออนุญาตผลิต จำหน่าย ครอบครอง หรือส่งออกกัญชง จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงฯ บังคับใช้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ และพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กัญชงในประเทศไทย ป้องกันการนำเข้า และสินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบจากต่างประเทศ
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มเติมการอนุญาตให้ครัวเรือนที่มีวัฒนธรรมในการใช้กัญชงเป็นสิ่งทอแบบดั้งเดิม สามารถปลูกกัญชงในครัวเรือนได้ โดยปลูกได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องมีใบอนุญาตในการปลูกและปลูกสายพันธุ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อส่งเสริมการปลูก และการพัฒนาสายพันธุ์กัญชงของไทย
วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบ ร่าง กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 เฉพาะ กัญชง (Hemp)พ.ศ. … ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ มุ่งเน้นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทดแทนกฎกระทรวงฯเดิม ที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งมีความเข้มงวด และไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกฎกระทรวงฯใหม่นี้ มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการสร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของครม. ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และพัฒนานวัตกรรมทางการเกษตร
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งเน้นการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพรในการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากส่วนอื่นของกัญชงนอกจากเส้นใย ได้แก่ ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง และอาหาร รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนากัญชงให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานในระดับสากลเพื่อการส่งออกในอนาคต
สำหรับสาระสำคัญของ กฎกระทรวงฯใหม่นี้ ได้แก่ การอนุญาตให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลสามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ในเชิงพาณิชย์ โดยยื่นขอตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยนิติบุคคลจะต้องมี กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น อย่างน้อยสองในสาม เป็นผู้มีสัญชาติไทย นอกจากนี้ ยังกำหนดให้การขออนุญาตผลิต จำหน่าย ครอบครอง หรือส่งออกกัญชง จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงฯ บังคับใช้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ และพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์กัญชงในประเทศไทย ป้องกันการนำเข้า และสินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบจากต่างประเทศ
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มเติมการอนุญาตให้ครัวเรือนที่มีวัฒนธรรมในการใช้กัญชงเป็นสิ่งทอแบบดั้งเดิม สามารถปลูกกัญชงในครัวเรือนได้ โดยปลูกได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องมีใบอนุญาตในการปลูกและปลูกสายพันธุ์ที่ได้รับอนุญาต เพื่อส่งเสริมการปลูก และการพัฒนาสายพันธุ์กัญชงของไทย