เลขาป.ป.ส. ย้ำ “กัญชง” ยังถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ใครครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย หวั่นประชาชนเข้าใจผิด แต่เตรียมพร้อมพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจ
วานนี้ (30 ม.ค.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า การพิจารณาร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. .… เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขทดแทนกฎกระทรวงฯ เดิม ที่มีความเข้มงวดและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี หากเห็นชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะลงนามในกฎกระทรวงและประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
นายนิยม กล่าวอีกว่า ภายหลังร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับดังกล่าว มีผลใช้บังคับจะมีการปรับปรุงในเรื่องดังนี้ 1.ส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่เดิม จำกัดเฉพาะเส้นใยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้กว้างขึ้น เช่น การใช้ประโยชน์จากช่อดอก และเมล็ด เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ 2.แก้ไขให้ภาคเอกชนสามารถขออนุญาตได้จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ 3.กำหนดให้ประชาชนที่มีการใช้ประโยชน์พืชกัญชงตามวิถีชีวิตดั้งเดิม เช่น ชาวเขาที่มีการใช้เส้นใยมาผลิตเครื่องนุ่งห่ม สามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ และ 4.ส่งเสริมการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง โดยในระยะ 5 ปีแรก จะห้ามมิให้นำเข้า เว้นแต่เฉพาะเพื่อการศึกษาวิจัย
"เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนของประชาชน ป.ป.ส. จึงขอย้ำว่าขณะนี้กัญชง (Hemp) ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ห้ามมิให้ปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่ที่อยู่ในรูปของเปลือก แกน ลำต้นแห้ง และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากสิ่งดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องเสียก่อน และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386 ตลอด 24 ชั่วโมง" เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
วานนี้ (30 ม.ค.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า การพิจารณาร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. .… เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขทดแทนกฎกระทรวงฯ เดิม ที่มีความเข้มงวดและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี หากเห็นชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะลงนามในกฎกระทรวงและประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
นายนิยม กล่าวอีกว่า ภายหลังร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับดังกล่าว มีผลใช้บังคับจะมีการปรับปรุงในเรื่องดังนี้ 1.ส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่เดิม จำกัดเฉพาะเส้นใยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้กว้างขึ้น เช่น การใช้ประโยชน์จากช่อดอก และเมล็ด เพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ 2.แก้ไขให้ภาคเอกชนสามารถขออนุญาตได้จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ 3.กำหนดให้ประชาชนที่มีการใช้ประโยชน์พืชกัญชงตามวิถีชีวิตดั้งเดิม เช่น ชาวเขาที่มีการใช้เส้นใยมาผลิตเครื่องนุ่งห่ม สามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ และ 4.ส่งเสริมการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง โดยในระยะ 5 ปีแรก จะห้ามมิให้นำเข้า เว้นแต่เฉพาะเพื่อการศึกษาวิจัย
"เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนของประชาชน ป.ป.ส. จึงขอย้ำว่าขณะนี้กัญชง (Hemp) ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ห้ามมิให้ปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่ที่อยู่ในรูปของเปลือก แกน ลำต้นแห้ง และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากสิ่งดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จะต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องเสียก่อน และหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386 ตลอด 24 ชั่วโมง" เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
