“นักการเมืองใหญ่-อดีตบิ๊ก มท.” รอดคดี ป.ป.ช.ชี้มูลเช่าซื้อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบตามโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชน ด้านการทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ของกระทรวงมหาดไทย วงเงินประมาณ 3,490 ล้านบาท ส่วน ขรก.ระดับล่างไม่รอด! โทษจัดประกวดราคาไม่เป็นไปตามกรอบการทำงาน ส่อมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน
วันนี้ (26 ม.ค.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย ข้าราชการระดับปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับโครงการการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบตามโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชน ด้านการทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ของกระทรวงมหาดไทย วงเงินประมาณ 3,490 ล้านบาท โดยเห็นว่าการประกวดราคาไม่เป็นไปตามกรอบการทำงาน (ทีโออาร์) ส่อมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ภายหลังรับสำนวนการไต่สวนมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
คดีนี้เกิดขึ้นยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ได้แจ้งให้นักการเมือง พรรคการเมืองใหญ่พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน และข้าราชการระดับสูง รวม 6 คน และ ข้าราชการระดับปฏิบัติการ ทราบสถานะผู้ถูกกล่าวหา แต่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้เห็นพ้องด้วยตามความเห็นของคณะอนุกรรมการไต่สวน จึงมีมติชี้มูลเฉพาะข้าราชการเฉพาะที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
สำหรับโครงการการเช่าซื้อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ฯ ของกระทรวงมหาดไทย วงเงินประมาณ 3,490 ล้านบาท ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับสอบสวนปัญหาความไม่ชอบมาพากล และส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ
โดยโครงการดังกล่าวมีข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า เป็นโครงการที่ไม่โปร่งใส เพราะทั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นโดยกระทรวงมหาดไทย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และดีเอสไอ ได้เห็นตรงกันว่าการประกวดราคาไม่เป็นไปตามกรอบการทำงาน (ทีโออาร์) เพราะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียว และเห็นว่า ควรจะมีการประกวดราคาใหม่ให้ถูกต้อง
โดยโครงการนี้ นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้รัฐเสียหายเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542
“ปัจจุบันผู้ที่รอดการถูกชี้มูลคดีนี้ เช่น นักการเมืองกระทรวงใหญ่ที่นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2/1 ข้าราชการระดับสูงในยุคนั้นแม้เกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ได้แต่งตั้งเป็น “คณะทำงานรัฐมนตรี” ส่วนอดีตผู้ว่าราชการการจังหวัดหลายรายที่เกี่ยวข้อง บางรายขณะนี้ยังเป็นผู้ว่าฯ อยู่ในจังหวัดใหญ่”