รอง ผบก.ป.มั่นใจกรณีอัยการส่งกลับสำนวน “ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น” ให้การเท็จ ไม่กระทบรูปคดีหวย 30 ล้าน เห็นพ้องรวมสำนวนส่ง ป.ป.ช.ชี้ขาด หากพบผิดจริง “ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น” โดนโทษหนักขึ้น
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีที่อัยการมีความเห็นให้ส่งคืนสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ในสำนวนคดีที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล กล่าวหานายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ แจ้งความเท็จ และกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา กลับไปยังกองปราบปรามเพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด ก่อนส่งให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณา เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายปรีชา และนางรัตนาพร เป็นความผิดต่อเนื่องกันกับคดีของ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ที่ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ว่าทางกองปราบปรามได้รับสำนวนคืนมาจากอัยการเมื่อวันที่17 เมษายนที่ผ่านมาและได้ส่งสำนวนต่อไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดแล้ว
รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อัยการระบุว่าคดีดังกล่าวจากพยานหลักฐานในสำนวนคดีแจ้งความเท็จและคดีประพฤติมิชอบของ พล.ต.ต.สุทธิ เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกันนั้นก็เป็นมุมมองทางกฎหมายของอัยการที่อาจมีมุมมองต่างกันแต่ยืนยันว่าการรวมสำนวนและส่งสำนวนคืนให้กองปราบปราม ไม่กระทบต่อคดี อีกทั้งยังมีความเห็นสอดคล้องกับอัยการด้วยว่าการรวมสำนวนกันนั้น เมื่อมีการพิพากษาว่าผู้ต้องหาผิดจริง ผู้ต้องหาก็จะได้รับโทษหนักขึ้นกว่าสำนวนที่ส่งไปก่อนหน้านี้
พ.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้หาก ป.ป.ช.จะสอบสวนหรือต้องการพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะมีอำนาจหน้าที่ครอบคลุมอยู่แล้วส่วนการที่ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวสองผู้ต้องหาแล้วหลายฝ่ายมีความกังวลว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานทำให้คดีเสียหาย ตนยืนยันว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์แบบนี้แต่อย่างใด