“นิพิฏฐ์” แฉซ้ำ “นาที” กำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางไปเจิ้งโจว ช่วงโหวตงบ 63 แต่กลับมีชื่อลงคะแนน แนะ 2 ส.ส.ภูมิใจไทย ยอมสารภาพ เพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ได้ไปต่อ ห่วงเจอคดีอาญาฐานรู้เห็นเป็นใจให้คนอื่นสวมสิทธิ
วันนี้ (22 ม.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้ส่วนตัวมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กดบัตรแทนกันของนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย โดยพบว่านางนาทีและคณะได้เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังเมืองเจิ้งโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 11 ม.ค. 2563 ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE680 ซึ่งช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 แต่กลับปรากฏชื่อของนางนาทีในการลงคะแนนด้วย
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า นางนาทีเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 15.28 น. แต่เมื่อตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการลงมติพบว่าในเวลา 15.46 น.ได้ลงมติในมาตรา 49 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก มาตรา 48 ว่าด้วยงบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค เวลา 15.19 น. มาตรา 47 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เวลา 15.17 น. มาตรา 46 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่สากล เวลา 14.56 น. มาตรา 45 ว่าด้วยงบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ เวลา 14.51 น.
“ผมเพียงแต่มาแถลงความจริงว่ากระบวนการตราร่างกฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญท่านั้น ส่วน ส.ส.จะดำเนินการอย่างไรก็แล้วแต่ ส.ส. เพราะผมไม่มีสิทธิยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะผมต้องการขอแถลงข้อเท็จจริงต่อประชาชน ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างพระราชบัญญัติไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเจ้าของบัตรอาจมีความรับผิดทางอาญาเนื่องจากรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นใช้สิทธิแทนคน” นายนิพิฏฐ์กล่าว
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวกำลังพยายามคิดช่วยอยู่ว่าจะให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ไม่เป็นโมฆะ แต่พรรคภูมิใจไทยต้องยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาร่างกาย โดยทั้งนางนาทีและนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ต้องยอมรับสารภาพว่าไม่ได้กดบัตรลงคะแนนด้วยตัวเองในมาตราใดบ้าง เพื่อที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญแยกการพิจารณาออกมาได้และเพื่อไม่ให้กระทบเสียงส่วนใหญ่ของการพิจารณางบประมาณ แต่หากทั้งสองคนไม่ยอมรับเท่ากับว่าจะเป็นไปแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้ว