นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ รับเรื่องร้องเรียนจาก “กลุ่มผู้ค้าโคขุนภาคเหนือ” ให้รัฐบาลทบทวนถึงกรณีส่งโคออกนอกประเทศ อาจส่งผลกระทบทำให้ราคาเนื้อโคเพิ่มขึ้น ด้าน “หมอระวี” เตรียมยื่นเรื่องให้ กมธ.เกษตรฯ ตั้งอนุ กมธ.ศึกษาเรื่องนี้โดยด่วน
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.15 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ รับหนังสือร้องเรียนจากนายอำนวย เซลามัน ผู้ประกอบอาชีพค้าเนื้อชำแหละและฟาร์มโคขุนภาคเหนือ โดยนายอำนวยกล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพค้าเนื้อชำแหละและเลี้ยงโคกระบือมีชีวิตเพื่อจำหน่าย ได้ประสบปัญหาคือการเข้ามาของกลุ่มทุนหรือกลุ่มพ่อค้าต่างชาติที่มีเงินทุนมหาศาล โดยเฉพาะจากประเทศจีนและเวียดนามได้เข้ามารับซื้อโคกระบือมีชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยการจ้างคนไทยหรือการตั้งตัวแทนคนไทย เข้ามากว้านซื้อโคกระบือที่มีชีวิตแบบไม่จำกัดปริมาณและคุณภาพ ทั้งพ่อพันธุ์และลูกโคกระบือจากตลาดนัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือตอนบน แล้วนำโคกระบือเหล่านั้นส่งออกผ่านด่านชายแดนในภาคเหนือตอนบน ไม่ว่าจะเป็นด่านเชียงแสน เชียงของ ซึ่งอาจจะเป็นการค้าที่มีการนำเงินเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านระบบธนาคารและไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ยังส่งผลให้เกิดการแย่งชิงปศุสัตว์ดังกล่าวจากพ่อค้าคนไทย อีกทั้งยังส่งผลให้ราคาเนื้อโคกระบือในประเทศสูงขึ้นอย่างมากทำให้ประชาชนต้องซื้อมาบริโภคในราคาแพง และยังเป็นการทำลายพันธุ์โคกระบืออย่างมาก เนื่องจากการรับซื้อผ่านตัวแทนของพ่อค้าต่างชาติเหล่านั้นไม่คำนึงถึงปริมาณ กล่าวคือซื้อออกไปทั้งหมด ไม่จำกัดเพศและอายุของโคกระบือ มีเท่าไรก็จะรับซื้อทั้งหมด เป็นเหตุให้โคกระบือในประเทศที่ปกติพ่อค้าและเกษตรกรในประเทศต้องซื้อหรือนำเข้ามาจากประเทศพม่าเป็นเวลานานแล้วขาดแคลนมากยิ่งขึ้น
“หากรัฐบาลยังปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการค้าเนื้อ และเกษตรกรโคกระบือขุนทุกท้องที่ในประเทศไทยต้องประสบกับหายนะในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน คนไทยจะตกงานเพิ่มขึ้น และประชาชนจะไม่สามารถหาซื้อเนื้อซึ่งเป็นโปรตีนมาบริโภคได้ในราคาต่ำ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงขอให้มีการดำเนินการระวังการส่งออกโคกระบือออกไปต่างประเทศ”
ด้าน นพ.ระวีกล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องด่วน ตนจะรับเรื่องดังกล่าวและส่งหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้เร่งพิจารณา เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องอยู่ในหลายกระทรวง และในวันพุธหน้าจะนำกลุ่มผู้เรียกร้องเข้ายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการการเกษตรฯ เพื่อขอให้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการเลี้ยงและการส่งออกอย่างเป็นระบบ