พท.คิดไม่ตกจัดการ 3 ส.ส.โหวตสวนยังไง หวั่นขับออกเข้าทางรัฐบาล ไม่ส่งลงเลือกตั้งก็กลัวแพ้ ผลสอบสวน “พลภูมิ-พรพิมล” เข้าใจได้เพราะมีบุญคุณ “ขจิต” เจอคาดโทษขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (13 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า สำหรับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.ส.โหวตสวนมติพรรค ที่มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ แกนนำพรรคเป็นประธาน พิจารณาบทลงโทษ 3 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค เป็นเรื่องที่แกนนำพรรคต้องคิดหนักว่าจะใช้มาตรการอย่างไร เพื่อเป็นการปรามไม่ให้ ส.ส.คนอื่นกล้าโหวตสวนมติพรรคอีก รวมถึงไม่ให้เข้าทางฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าใช้มาตรการขับออกจากพรรคก็จะเข้าทางรัฐบาลทันที เพราะ ส.ส.กลุ่มนี้สามารถย้ายไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลได้ทันที เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่เคยทำมาแล้วและพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้โมเมนตัมเสียง ส.ส.พลิกเปลี่ยนทันที ตอนนี้รัฐบาลรอดพ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำไปแล้ว ยิ่งถ้าพรรคเพื่อไทยขับออกอีก เสียงของรัฐบาลจะยิ่งเพิ่มพูนไปกันใหญ่ เกมต่อรองทางการเมืองจะเสียเปรียบมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการตัดสิทธิไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.ครั้งหน้า ก็ค่อนข้างเสี่ยงที่จะเสียส.ส.ในเขตนั้นๆ ไป เพราะ ส.ส.ที่ถูกตรวจสอบทั้ง 3 คน คือ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายขจิตร ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. ต่างก็เป็น ส.ส.ที่มีความนิยมในพื้นที่ชัดเจน ไม่ใช่ ส.ส.ที่พึ่งกระแสนิยมจากพรรคเพียงอย่างเดียว หากไม่ให้ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยก็เท่ากับบังคับให้ไปลงสมัครในนามพรรคอื่น อาจทำให้ผู้สมัครคนใหม่ที่พรรคเพื่อไทยส่งลงแพ้ได้ เห็นได้จากผลคะแนนเลือกตั้งปี 54 ที่มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ คะแนน ส.ส. และคะแนนพรรค ทั้ง 3 คนมีคะแนนใกล้เคียงกับพรรค บางคนคะแนนส่วนตัวสูงกว่าคะแนนพรรคด้วย ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่แกนนำพรรคต้องคิดหนักเช่นกัน สำหรับผลการสอบสวนได้ข้อสรุปเบื้องต้นพบว่าในรายของนายพลภูมิแกนนำพรรคเข้าใจได้ถึงแนวทางดำเนินการที่มีบุญคุณต่อกันในบางเรื่อง ที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จที่หลุดจาก ป.ป.ช. เพราะคดีขาดอายุความ ส่วน น.ส.พรพิมลเป็นเหตุผลเชิงคดีความเช่นกันแต่เป็นของในส่วนของสามี สำหรับนายขจิตค่อนข้างชัดเจนกว่าใคร แกนนำพรรคจึงคาดโทษขั้นเด็ดขาดเอาไว้