ส.ส.อนค.ซัดงบกลางรายละเอียดหาได้ยาก ผลาญเป็นว่าเล่น ใช้ผิดวัตถุประสงค์ เปรียบเป็นยาสารพัดนึกที่รัฐบาลเสพติด ข้องใจตั้งงบกลางมหาศาล หวังนำไปจ่ายค่าโง่เหมือง-คลองด่าน แต่ไร้ผลมติเห็นชอบผ่านมาตรา 6
วันนี้ (8 ม.ค.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า การจัดทำงบฯควรสะท้อนถึงนโยบายของรัฐบาล หากเราเปรียบว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลคือสัญญาประชาคมที่รัฐบาลได้ให้ไว้กับประชาชน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ก็คือรายละเอียดขอการทำตามสัญญาว่ารัฐบาลจะต้องใช้เงินเท่าไหร่และใช้ไปกับเรื่องอะไรบ้าง ในส่วนของงบกลางตามมาตรา 6 เกี่ยวกับเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเกินหรือจำเป็นจำนวน 96,000 ล้านบาท สมควรถูกปรับลดอย่างไร ทั้งที่การจัดทำงบต้องมีรายละเอียดปรากฏ แต่งบกลางรายละเอียดต่างๆ กลับเป็นสิ่งที่ตามหาได้อย่างยากเย็นแสนเข็น การใช้งบกลางกลายเป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจของรัฐบาลเป็นสำคัญ ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นการใช้ดุลพินิจจากเงินก้อนโตมาก
“ถ้าเรากลับไปดูถึงปัญหาของงบกลาง นอกจากการพูดถึงรถหุ้มเกาะจำนวน 2,800 ล้านบาท โครงการชิมช้อปใช้ซึ่งไม่รู้ว่าประชาชนที่เสียภาษีได้ประโยชน์อย่างไร ถ้าไปดูในเรื่องอื่นๆ ตามมติ ครม. เอาเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพบว่าในเดือน พ.ย. 2558 ได้ยอมรับว่ามีการใช้งบกลาง 63.57 ล้านบาท ไปกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งทุกวันนี้โครงการนี้ทุจริตคอร์รัปชัน โกงอย่างจงรัก หักหัวคิวอย่างภักดี”
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ในวันที่ 9 ก.ค. 62 วันเดียวก่อนที่จะมีการโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ได้มีการอนุมัติงบกลาง 1,645 ล้านบาท ให้โครงการใช้ยางพารากับหน่วยงานภาครัฐ แต่รับผิดชอบโดยกองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก ทำไมให้กองทัพที่เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการปกป้องเป็นรั้วของชาติมาปฏิบัติเรื่องนี้และ วันที่ 19 มี.ค. 62 ไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง มีการอนุมัติงบประมาณ 37,900 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายของกองทุนประชารัฐ อนุมัติงบแบบนี้ได้อย่างไร และหลังรัฐประหารปี 2557 มีการอนุมัติงบประมาณ 567ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในช่วงระหว่างวันที่ 1-19 พ.ค. 57 ให้กับหน่วยงานหลายหน่วยงาน รวมกำลังพลทั้งสิ้น 39,000 คน ว่ากันว่านี่คือการจ่ายโบนัส ให้กับพลทหาร พลตำรวจ ที่เข้ามาช่วยท่านรัฐประหาร นอกจากยังมีการวางบิลย้อนหลัง โดยอนุมัติเงินงบ 795 ล้านบาท ให้กับกองทัพบก เพื่อใช้จ่ายตอนที่ทหารออกไปช่วยเหลือน้ำท่วมเมื่อปี 54 เป็นการจ่ายย้อนหลังถึง 3 ปี
“ทั้งหมดนี้คือการใช้งบกลางมีปัญหา ผิดวัตถุประสงค์ เขาว่ากันว่างบกลางนี้ได้กลายเป็นยาสารพัดนึกที่รัฐบาลนำมาใช้จนถึงขั้นเสพติด ก่อนหน้านี้เรามีรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าค้ายา แต่ครั้งนี้ผมเห็นว่ารัฐบาลอาจกำลังติดยา ติดยาสารพัดนึกที่ใช้งบกลางกับเรื่องทุกเรื่องที่ท่านจะจินตนาการได้” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องยอมรับว่างบกลางที่มากมายประชาชนสงสัยว่าทำไมงบกลางถึงมากมายมหาศาลขนาดนี้ หรือท่านมีงบก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายในอนาคตหรือไม่ เขาว่ากันว่าสงสัยจะเป็นเหมืองอัครา ที่จะต้องนำเงินก้อนนี้ไปใช้จ่ายหรือไม่ และนำเงินไปจ่ายค่าโง่คลองด่าน จำนวน 9,891ล้านบาทเพราะมีติ ครม.เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 58 อนุมัติงบกลางเพื่อนำไปชำระแก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในทางปฎิบัติอาจมีการเบิกจ่ายไม่ครบ แต่ก็ทำให้คิดว่าสุดท้ายแล้วงบกลางเหล่านี้แทนที่จะเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน หรือจริงๆ แล้วจะถูกนำไปใช้เพื่อจ่ายเป็นค่าโง่จากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลกันแน่ แนวโน้มการใช้จ่ายงบประมาณผ่านมาสะท้อนให้เห็นแล้วว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีปัญหาและไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ จึงขอตัดงบในส่วนสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 32,000 ล้านบาท ให้คงเหลือจำนวนขั้นต่ำตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรา 6 ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมากไม่มีการแก้ไขด้วยมติ เห็นด้วย 239 ไม่เห็นด้วย 78 งดออกเสียง 148