"มงคลกิตติ์-พิเชษฐ" แถลงยุบฝ่ายค้านอิสระ หวนกลับร่วมฝั่งรบ. อ้างไม่สบายใจปัญหาเสียงปริ่มน้ำรบ.รัฐบาลบริหารแบบไร้เสถียรภาพ ติงวิ่งไล่ลุง ฉุดรั้งประเทศ ย้อนรบ.ปู สร้างหนี้สาธารณะแยะกว่า แย้มมีฝ่ายค้านร่วมรบ.เพิ่ม
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ สถิรชวาลหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย รวมกันแถลงข่าว ยุบฝ่ายค้านอิสระ 2 พรรค เข้าเสริมทัพรัฐบาลลุงตู่ 2”โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เลขาธิการพรรคพปชร. นายชัชวาล คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะแกนนำกลุ่มกิจสังคมใหม่ และนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์แถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย เคยประกาศเข้าร่วมรัฐบาลกับกลุ่ม 11 พรรคการเมือง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 จนนำไปสู่การเปิดสวิตช์ประเทศไทย ที่มีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภามาระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลมาอยู่ในสถานะฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งทั้งสองพรรคได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระแบบสร้างสรรมาตลอดระยะเวลา 4 เดือนเศษ ทราบถึงปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ทำให้มีความรู้สึกไม่สบายใจถ้าปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศแบบไร้เสถียรภาพแบบนี้ต่อไป ปัญหาก็จะเกิดกับประชาชนโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาภัยธรรมชาติ รวมไปถึงสถานการณ์การเมือง อย่างเช่น การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่มองว่าเป็นการฉุดรั้งประเทศ เป็นต้น
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ทั้งสองพรรคได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้จัดตั้งรัฐบาลมา จึงทราบถึงแนวคิดและวิธีการจัดการประเทศอุดมการณ์และความตั้งใจ รวมถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ที่ต้องทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขร่มเย็น และการเจริญการให้ได้นั้นจะต้องมีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรให้เกินกึ่งหนึ่งของสภาประมาณ 20-30 เสียง จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว และผิดพลาดน้อยที่สุด ดังนั้นพรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย ที่อยู่ในฐานะฝ่ายค้านอิสระ 2 เสียงจึงมีมติในแนวทางเดียวกันให้ยุบฝ่ายค้านอิสระ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2563 เพื่อเข้าร่วม กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล มาอยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นกำลังเสริมในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
“หากเทียบการบริหารประเทศ ระหว่างรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศสร้างหนี้สาธารณะ มากกว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ และคิดว่าตัดสินใจถูกต้องที่จะเข้าร่วมรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลดีขึ้นต่อไป “นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ขณะที่นายพิเชษฐ กล่าวว่านายพิเชษฐ์ 2 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร มีความสำคัญ และบทบาทของกลุ่มกิจสังคมใหม่ เกิดขึ้นเพราะเห็นว่าความมี เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญ และจะเห็นได้ว่าจากเหตุการณ์สภาล่มถึง 2 ครั้งที่ทำให้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล และครั้งนี้จะเป็นการเล่นการเมืองครั้งสุดท้ายของตน จึงต้องการจะสนับสนุนการสร้างความมั่นคงให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน พร้อมกับไม่ต้องการให้รัฐบาลต้องกังวลกับเสียงปริ่มน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าตนไม่ห่วงเรื่องตำแหน่ง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศจริง ๆ
อย่างไรก็ตามภายหลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนายมงคลกิตติ์ และพิเชรษฐ ได้ร่วมกันเปิดสวิตซ์ไฟสีธงชาติเพื่อแสดงสัญลักษณ์ในการเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกันนี้ยังได้มอบหนังสือแถลงการณ์ที่แสดงเจตจำนงลงนามร่วมกันเข้าร่วมรัฐบาลให้นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ อย่างเป็นทางการด้วย
เมื่อถามว่าทั้งสองพรรคมีอะไรยืนยันหรือไม่ว่าต่อจากนี้จะไม่ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลอีก นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่าปัจจุบันปี 63 ปีนี้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนว่าอีกใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การเมืองก็คือการเมือง ณ ปัจจุบันเราคือพรรคร่วมรัฐบาล เราจะอยู่ทำงานร่วมกับกลุ่มสังคมใหม่ เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าหลังจากนี้มีโอกาสจะถอนตัวออกอีกใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำเพื่อประชาชน และไม่ทุจริต ก็จะยังคงร่วมงานกันต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง แต่หากมีรัฐมนตรีคนใดมีปัญหาการทุจริต ก็จะพิจารณารายคน
เมื่อถามว่าการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเพราะเราไม่สามารถต่อรองตำแหน่งอะไรได้แล้วหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตนเองไม่เคยต่อรองตำแหน่ง เพราะนายกรัฐมนตรีได้ให้ความไว้วางใจ และขอให้มาทำเพื่อประเทศเดินหน้า ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้น ส่วนตัวคงไม่ร่วมในการอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน เพราะถือว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว แต่หากรัฐมนตรีคนใดมีปัญหาเรื่องการชี้แจง ตนจะทำหน้าที่หน่วยสนับสนุนข้อมูล เพื่อชี้แจงฝ่ายค้านให้ครบถ้วน
“หลังจากนี้อาจจะมีนักการเมือง 3-4 คน มาร่วมทำงานกับรัฐบาล แต่ตนไม่ขอตอบว่ามาจากพรรคอะไร “สื่อมวลชนรู้อย่างไร ตนก็รู้อย่างนั้น” และมาจากฝ่ายค้านด้วย”นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ส่วนนายชัชวาล กล่าวว่า อาจจะมีบุคคลเข้ามาร่วมทำงานด้วย ซึ่งพร้อมที่จะช่วยกันทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ส่วนข้อสงสัยที่ว่า หากมีการปรับ ครม. พรรคเล็กจะได้ร่วมด้วยหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการเป็น ส.ส. ถ้าไม่มีตำแหน่งก็ทำงานกับประชาชนลำบาก ถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้ ก็พร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้าท้ายที่สุดไม่มีตำแหน่งอะไรให้เลย ก็จะคงอยู่กับรัฐบาลต่อไป เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า