xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.งบฯ เตือน กอรมน.หยุดจัดกิจกรรมครอบงำความคิดเด็ก-เยาวชน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แฟ้มภาพ - การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
กรรมาธิการงบประมาณฯ ติงงบ 63 งบลงทุนแนวโน้มลด แต่งบดำเนินงานและบุคคลากรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การตั้งชื่อโครงการมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ส่อขัดกฎหมาย พร้อมชี้ กอรมน.ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมครอบงำความคิดทางการเมืองเด็กและเยาวชน ตามหลักสากลที่ได้รับการคุ้มครอง

วันนี้(5 ม.ค.) มีการเปิดเผยรายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งได้มีการจัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ดังนี้

1.ในการจัดสรรงบประมาณของรัฐควรมีการวางกรอบแนวคิดในการจัดสรรงบประมาณให้สะท้อนถึงการพัฒนาประเทศในระยะยาวโดยเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนให้มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น และปรับเปลี่ยนผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณ โดยให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น อันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มการจ้างงาน สำหรับงบลงทุน รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ ให้มากกว่าการใช้งบลงทุนในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั่ว ๆ ไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรให้ความสำคัญกับการลงทุน ในเรื่องของการศึกษาการสาธารณสุข และระบบขนส่งสาธารณะในระดับท้องถิ่นที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ให้มากขึ้น

การจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พบว่า สัดส่วนของงบลงทุนมีแนวโน้มที่ลดลง ในขณะที่สัดส่วนของงบดำเนินการและงบบุคลากรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ภาครัฐควรคำนึงถึงแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายของงบบุคลากรและงบดำเนินการที่ไม่จำเป็น และเพิ่มน้ำหนักให้กับงบลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งบลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ

2.พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 9 วรรคสามได้บัญญัติความไว้ว่า “คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว” ดังนั้นการตั้งชื่อโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ควรตั้งชื่อ ในเชิงมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองหรือตั้งชื่อที่สอดคล้องกับชื่อของพรรคหรือกลุ่มทางการเมือง ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมาย และเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

3.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ควรเสนอยกเลิกคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับต่าง ๆ ให้กลับมาใช้รูปแบบตามสถานการณ์ปกติ เช่น คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 14/2559 เรื่องคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เนื่องจากขาดความเชื่อมโยงกับประชาชน โดยควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 เพราะเป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่าคำสั่งดังกล่าว

4.การจัดโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ควรมีความรอบคอบและระมัดระวัง โดยควรหลีกเลี่ยงการจัดโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นการครอบงำความคิดทางการเมืองกับเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นหลักสากลที่จะต้องได้รับความคุ้มครอง


กำลังโหลดความคิดเห็น