สลค.เวียน มติครม.สั่ง เพิ่มงบประมาณรายจ่ายปี 63 จำเป็นเร่งด่วนแท้จริง-สอดคล้องสถานการณ์ประเทศ อีกกว่า 2.63 หมื่นล้าน พบงบเพิ่มเติมใน 4 บัญชี เจียด 17 กระทรวง ให้ ก.เกษตรฯ 3.8 พันล้าน เพิ่มให้ ก.คมนาคม 3.3พันล้าน เพิ่มให้ ก.ทรัพย์ฯ 1.2 พันล้าน เพิ่มให้มหาดไทย 445.9 ล้าน ส่วน ก.แรงงาน ได้มากสุด 1.17 หมื่นล้าน จังหวัด/กลุ่มจังหวัด ได้อานิสงค์ 1.45 พันล้าน พบอยู่ในงบบัญชี 1 "ค่าใช้จ่ายชำระหนี้" 1.2 หมื่นล้าน ด้าน "สรรพกร-เจ้าท่า" ของเพิ่ม 3 โครงการกว่าพันล้าน
วันนี้ (17 ธ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนหนังสือถึงส่วนราชการทั่วประเทศ แจ้งรายชื่อโครงการของหน่วยงานราชการ ที่ขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เฉพาะรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้เจริง และสอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 26,369.6009 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประกอบด้วย บัญชี 1 รายจ่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อผูกพัน ที่เกิดจากกฎหมาย สัญญา ข้อตกลงระหว่างประเทศ ค่าใช้จ่ายบุคลากร และค่าใช้จ่ายเพื่อการชำระหนี้ จำนวน 12,671.9645 ล้านบาท บัญชี 2 รายจ่ายเพื่อการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จำนวน 2,125.5994 ล้านบาท
บัญชี 3 รายจ่ายเพื่อป้องกัน บรรเทาหรือแก้ไขป้ญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรงหรือแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของหน่วยรับงบประมาณ จำนวน 9,568.9164 ล้านบาท และบัญชี 4 รายจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน หรือพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติแล้ว จำนวน 2,003.1206 ล้านบาท
"งบเพิ่มเติมกว่า 26,000 ล้านบาท ใน 4 บัญชี เช่น เพิ่มให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3,808.7 ล้านบาท เพิ่มให้กระทรวงคมนาคม 3,349.9 ล้านบาท เพิ่มให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1,200 ล้านบาท เพิ่มให้กระทรวงมหาดไทย 445.9 ล้านบาท เพิ่มให้กระทรวงแรงงาน 11,737.2 ล้านบาท และเพิ่มงบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด 1,457.8 ล้านบาท"
ทั้งนี้ จำแนกงบประมาณที่เพิ่ม ตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านดวามมั่นคง เพิ่มวงเงิน 27.4725 ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มวงเงิน 3,640.0907 ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มวงเงิน 1,168.0167 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพิ่มวงเงิน 15,202.2003 ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มวงเงิน 5,985,.9927 ล้านบาท และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพิ่มวงเงิน 345.8280 ล้านบาท
ทั้งนี้ จำแนกตามแผนงานบูรณาการ ประกอบด้วย แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มวงเงิน 27.4 ล้านบาท แผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม เพิ่มวงเงิน 72 ล้านบาท แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า เพิ่มวงเงิน 4,423.8 ล้านบาท แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ เพิ่มวงเงิน 15.7 ล้านบาท แผนงานบูรณาการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มวงเงิน 69.7 ล้านบาท และแผนงาบบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เพิ่มวงเงิน 28.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเพิ่มงบประมาณ ในรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ จำนวน 3 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,504.4754 ล้านบาท ประกอบด้วย
กรมสรรพากร 1 รายการ ค่าครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจ เฉพาะแขวงพญาไท เขตพญาไท กทม. วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ จำนวน 642.0714 ล้านบาท และ กรมเจ้าท่า 2 รายการ ค่าก่อสร้างและจัดหาระบบตรวจการชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง และค่าก่อสร้างฯชายฝะงอันดามัน วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ รวมจำนวน 862.8040 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 300.9753 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปีต่อๆ ไปอีก จำนวน 1,203.9001 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว อยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพัน งบประมาณรายจ่ายข้ามปีงบประมาณ ที่กำหนดว่าต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่องกำหนดสัดส่วนต่างๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561
ส่วนเปลี่ยนแปลงงบประมาณฯ ปี 2563 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหน่วยรับงบประมาณ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน 27.5 ล้านบาท
ไปตั้งที่ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม งบเงินอุดหนุน จำนวน 27.5 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562.
