ปธ.สภาฯ เผยอยากเห็น ส.ส.ทำหน้าที่มีเกียรติ เหตุถูกจับตามอง ต้องอยู่ในกรอบซื่อสัตย์ เชิญนายกฯ-รมต.ให้ความร่วมมือในสภา เผยมีร่าง กม.อยู่ในวาระแค่ 2 ฉบับ รับจ้ำจี้จ้ำไช แต่ทุกเรื่องมีที่มา ปชช.พึ่งสภาได้ ไม่มีใครขอให้ผิดทำนองคลองธรรม
วันนี้ (31 ธ.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติตลอดปีที่ผ่านมาว่า ภาพรวมการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรก็ได้พยายามทำให้ความไม่พร้อมของสถานที่มาเป็นอุปสรรคในการทำงาน ไม่มีสภาชุดไหนที่เลือกตั้งแล้วไม่มีสภาเป็นของตัวเอง แต่สภาฯ จะไม่เอาตรงนี้มาเป็นอุปสรรค สิ่งที่ย้ำตลอด คือ อยากให้ทุกคนมองเห็นความสำคัญในฐานะเป็นผู้ออกกฎหมายในฐานะเป็นผู้ออกกฎหมาย ต้องทำหน้าที่อย่างมีเกียรติและเพื่อประโยชน์ของประชาชน หลังจากไม่มีสภามา 5 ปี ไม่เฉพาะในประเทศเท่านั้นที่มีปฏิกริยาต่อต้าน เพราะต่างประเทศก็มองเช่นกัน เมื่อมีสภาแล้วจึงเป็นความหวังของประชาชน
ดังนั้น เพื่อให้การปกครองระบบประชาธิปไตยสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไปพร้อมกับความประสิทธิภาพ ทุกฝ่ายต้องทำงานในหน้าที่ด้วยความสุจริต ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นตัวอย่างในการเคารพกฎหมาย ทุกคนต้องอยู่ในกรอบของข้อบังคับ แม้บางคนจะยังไม่เคยชิน แต่กว่า 1 ปีเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น หลายเรื่องเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะการรักษาเวลา งานค้างอาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่มีน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ของสภาทั่วไป เช่น การทำให้ญัตติด่วนเหลือค้างสภาเพียง 6 เรื่อง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหมดเป็นไปได้เพราะการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เมื่องานค้างลดลง ภายหลังปีใหม่ก็จะได้เริ่มงานใหม่ๆได้มากขึ้น
“งานในสภาพยายามทำให้เกิดประโยชน์ทุกฝ่าย ความร่วมจากฝ่ายบริหารก็ดี ก็พยายามเชิญชวนให้มาสภา แม้กระทั่งนายกฯ ก็อยากให้มาประชุมสภา หรือรัฐมนตรีก็อยากให้ตอบกระทู้ถามของ ส.ส.เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เวลานี้กำลังหารือถึงการแก้ไขข้อบังคับในส่วนที่เกี่ยวกับการตั้งกระทู้ถาม เพื่อไม่ให้ใช้เวลาของสภามากเกินไป หลังจากที่ผ่านมา ส.ส.หลายคนพยายามตั้งกระทู้ถามด้วยการอภิปราย ทำให้ต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งคงต้องหารือกับส.ส.อีกครั้ง หรือในการทำงานของคณะกรรมาธิการก็พยายามเข้าไปรับฟังความคิดเห็นในเรื่องการทำงาน เช่น การจัดสรรเวลาของการทำงานของคณะกรรมาธิการที่จะไม่ให้กระทบกับการประชุม เป็นต้น หรือกรณีที่มีข่าวประธานสภาฯ ออกระเบียบควบคุม แต่เพื่อไม่ให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนระหว่างคณะกรรมาธิการ เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการมาสามารถมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการหลายคณะได้พร้อมกันภายในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องมาหลายครั้ง”
นายชวนกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีปัญหา คือ มีกฎหมายเข้าสภาเพียง 2 ฉบับเท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ โดยที่ผ่านมารัฐบาลส่งร่าง พ.ร.บ.ที่ค้างมากจากสภาในสมัย คสช.มาให้สภาพิจารณาต่อตามกฎหมาย แต่ผมเห็นว่าไม่ควรรับแต่ควรทำใหม่ นายกฯ ก็เห็นด้วยและทำเรื่องถอนไป จึงคาดว่าหลังจากเทศกาลปีใหม่ร่างกฎหมายจะเข้ามาสภามากกว่าเดิม โดยในวันที่ 2 ม.ค.งดประชุมสภาฯภายหลังได้หารือกับทุกฝ่ายแล้ว แต่เดือนม.ค.จะมีการประชุมนัดพิเศษหนึ่งครั้งเพื่อพิจารณาญัตติช่วงปลายเดือน เพื่อไม่ให้ชนกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ที่อาจจะเป็นช่วงวันที่ 8-10 ม.ค. และจะปิดสมัยประชุมวันที่ 28 ก.พ. 2563 ซึ่งหวังว่าปีที่หนึ่งของสภาที่กำลังจะหมดน่าจะผ่านเรื่องและปัญหาต่างๆ ไปได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเปิดสมัยประชุมใหม่ซึ่งเป็นปีที่สองของสภาในเดือน พ.ค. 2563
“ในฐานะประธานสภาก็พยายามทำให้มาตรฐานสภาเป็นที่ยอมรับได้ว่านี่คือฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ได้จริงๆ และสามารถทำให้งานของสภาผ่านไปได้โดยเรียบร้อยจริงๆ แน่นอนว่าข่าวนอกสภานอกห้องประชุมมีมากแต่ในห้องประชุมผมพยายามไม่ให้มี บางทีบางเรื่องอาจรู้สึกว่าเป็นการจ้ำจี้จ้ำไช แต่ความจริงแล้วทุกเรื่องมีที่มา เช่น ทำไมต้องเตือนว่าห้องนี้เป็นประชุมสภาไม่ใช่ห้องสัมมนา อย่าเอาน้ำอาหารมารับประทานและทิ้งเอาไว้ หรือการความร่วมมือไม่ให้นำเครื่องมือสื่อสารเข้าในห้องประชุม แต่ดูเหมือนว่า ส.ส.บางท่านจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้น เวลาที่เตือนอะไรไปก็อย่ารำคาญนะครับ ผมคิดว่าเมื่อเราหวังดีต่อเขาก็ต้องกล้าเตือน เพื่อให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น และจริงๆแล้วก็ปรับไปในทางที่ดีขึ้นโดยลำดับ บางเรื่องอย่างเครื่องแต่งกายก็มีไม่กี่คน ผมได้เตือนตลอดนะครับ แต่บางท่านอาจต้องการแสดงความเป็นคนรุ่นใหม่ให้ไม่เหมือนคนอื่น หลายคนก็ปรับตัวครับแต่ยังไม่ได้ร้อยทั้งร้อย” นายชวนกล่าว
ประธานสภากล่าวว่า สำหรับเรื่องของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ยังไม่เรียบร้อย ยืนยันว่าได้ติดตามเป็นระยะ โดยเวลานี้มีคณะกรรมาธิกาารวิสามัญ ที่จะเข้ามาติดตามตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้คงไปแก้ไขโครงสร้างการก่อสร้างไมได้ แต่อาจจะแก้ไขได้เล็กน้อยเพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น เช่น เรื่องห้องน้ำ หรือเรื่องความร้อนภายในอาคารรัฐสภาก็ได้พยายามแก้ไขหรือเพิ่มเครื่องเพื่ออำนวยความสะดวกให้มากที่สุด
เมื่อถามว่าในเมื่อประธานสภาหวังว่าสภาจะเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่ในทางกลับกัน สภาฯ เกิดองค์ประชุมล่มและการใช้เอกสิทธิ์สวนกับมติของพรรค นายชวนกล่าวว่า โดยหลักแล้วคนของรัฐบาลที่เข้ามาร่วมรัฐบาลก็ต้องเคารพกติกาของการร่วมรัฐบาล บังเอิญว่าที่เราเห็นว่าสภาฯล่มไปสองครั้งนั้นความจริงครั้งหนึ่งเป็นความจงใจของฝ่ายรัฐบาลด้วยที่ไม่ต้องการให้ครบองค์ประชุม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมายังไม่ถือว่าร้ายแรง มีปัญหาที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมลงคะแนน ผมคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็รู้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร
เมื่อถามว่า พอยืนยันได้หรือไม่ว่าสภาจะเป็นที่พึ่งประชาชน เพื่อไม่ให้มีการใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง นายชวนกล่าวว่า “ครับ ผมยืนยัน ผมเรียนว่าครึ่งปีที่ผ่านมาไม่เคยสักครั้งที่จะมาขอให้ผมทำผิดทำนองคลองธรรม มีแต่ผมที่ขอร้องให้มาร่วมประชุม เราหวังดีต่อกันเพื่องานของบ้านเมือง ประชาธิปไตยจะอยู่ได้ก็มีประสิทธิภาพด้วย ถ้าประชาธิปไตยไม่มีประสิทธิภาพ คนจะเอนเอียงนิยมในเผด็จการ ทันใจดี แล้วก็เป็นที่มาของความหายนะในที่สุด ต้องทำให้การปกครองนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ หมายความว่า ปัญหาของประชาชนต้องมาสู่รัฐบาลได้โดยผ่านกระบวนการของสภาตามระบบนี้ เพียงแต่ว่าเรายังไม่สามารถแบ่งอำนาจท้องถิ่นกับส่วนกลางได้ แต่ทุกอย่างกลับขึ้นมาตรงนี้หมด แสดงให้เห็นว่าระบบการกระจายอำนาจต้องหาทางปรับปรุงต่อไป เพื่อให้สภาได้ทำงานในเชิงนโยบายเป็นหลัก”