xs
xsm
sm
md
lg

สิ้นชาติ! “ไพศาล” กระตุกต่อมสำนึก สองขั้วขัดแย้ง “ชังชาติ-พังชาติ” กลิ่นแรงจนแสบจมูก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไพศาล” ส่งสัญญาณเตือน ได้กลิ่นอะไรไหม?หวั่นการต่อสู้ของพวกต่อต้าน “ชังชาติ” กับ “พังชาติ” ทำให้สิ้นชาติ ขณะต่างฝ่ายต่าง “บ่มเพาะ” สถานการณ์ให้สุกงอม จนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและ “สิ้นชาติ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(30 ธ.ค.62) โพสต์เฟซบุ๊กPaisal Puechmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“การสร้างความแตกแยกแตกสามัคคีในชาติ ได้ขยายตัวกว้างขวางอย่างน่าตกใจ

กลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง พวกหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า “ชังชาติ” กับอีกพวกที่ถูกเรียกว่า “พังชาติ”

รวมความคือ ขืนเป็นแบบนี้สิ้นชาติแน่!
ที่มีการโพสต์ถามว่า ได้กลิ่นอะไรไหม? ก็กลิ่นแรงจนแสบจมูกขนาดนี้ มีแต่คนเป็นริดสีดวงจมูกและคนเผาถ่านเท่านั้น ที่ไม่ได้กลิ่น!!

ในวันเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม CEO พรรครวมพลังประชาชาติ (รปช.) โพสต์หัวข้อ “สวัสดีปีใหม่ 2563”

โดยระบุว่า “ช่วงปีที่ผ่านมา เป็นปีที่คิดว่า เราผ่านการเลือกตั้ง ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ แต่กลายเป็นว่า มีมากจนมีพรรคการเมือง มาสร้างวาทกรรม ให้เกิดความเกลียดชังคนในชาติ จาบจ้วง ดูถูกประเทศตนเอง ชักศึกเข้าบ้าน รวมทั้งใช้เสรีภาพที่จะอยู่เหนือกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนต้องช่วยกัน เผชิญปัญหาใหม่ของชาติที่เรียกว่า ลัทธิชังชาติ

ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขความเจริญ อย่าหยุดนิ่ง จนกลายเป็นว่า ยินยอมให้พวกชังชาติ มาทำร้ายประเทศของเรา ช่วยกันแสดงออกถึงความจริง จะทำให้ประเทศของเราฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปได้.........ปีใหม่ 2563 นี้ขอให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญตลอดไปครับ

เช่นเดียวกับ เฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์หัวข้อ “ฟ้องได้ฟ้องไป เราไม่กลัว”

เนื้อหาระบุว่า “เพิ่งทราบจากข่าวนี่แหละครับว่า ผมเองก็ถูกเหมาเป็น "ผู้จัดการชุมนุม" แฟลชม็อบธนาธร ไปกับเขาด้วย ขอบคุณทางตำรวจมากครับที่เลื่อนขั้นผมจากแค่เป็นผู้ร่วมการชุมนุมเป็นแกนนำแบบที่ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเป็นแกนนำตั้งแต่เมื่อไหร่

สำหรับคดีนี้ ผมถือว่าเป็นคดีไร้สาระที่รัฐบาลเผด็จการพยายามประเคนมาใช้ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความหวาดกลัวเท่านั้น เพราะกฎหมายการชุมนุมที่ใช้ฟ้องพวกเราก็เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อขัดขาประชาชนไม่ให้ออกมาต่อต้านประยุทธ์อยู่แล้ว

สงสัยว่ารัฐบาลจะ #เสียหน้า เพราะเห็นว่าคนมาชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เยอะหรือเปล่าก็เลยต้องฟ้องแก้เก้อ ผมเองก็เคยถูกฟ้องในข้อหานี้มาก่อน ครั้งที่แล้วที่ผมไปแขวนพริกแขวนเกลือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลกับเพื่อนไม่กี่คน ผมก็ถูกฟ้องด้วยกฎหมายนี้แหละครับ

ไหน ๆ ก็ถูกฟ้องแล้ว เข้าใจว่าคงอยากให้พวกผมกลัวจนถอดใจและเลิกต่อต้านเผด็จการไปเอง ขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารถึงทางรัฐบาลเผด็จการครับว่า #กลัวที่ไหนกัน

ภาพเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom
ผมถือว่าเป็นเกียรติเสียอีกที่ได้เป็นผู้ต้องหาร่วมกับ #ธนาธร ฟ้องมาอีกสักสิบคดีผมก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวหรอกครับ คนรุ่นก่อนเขาต้องเสียสละมามากกว่าผมตั้งเยอะ ผมจะถอดใจได้ยังไง และผมขอเตือนนะครับ พวกเราเป็นนักต่อต้านเผด็จการ ยิ่งยัดคดีให้เราเพิ่ม เรายิ่งฮึกเหิมนะครับ เพราะเหล็กกล้าตีแล้วมันจะกลายเป็นดาบครับ

แล้วเจอกันที่ศาลนะครับ รัฐบาลเผด็จการที่ไม่เคารพ

#เผด็จการจงพินาศ #ประชาธิปไตยจงเจริญ

ประเด็นที่น่าสนใจ การเอาจริงเอาจังในการปราบลัทธิ “ชังชาติ” ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ ลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อนตั้งพรรค ได้ “หมอวรงค์” ซึ่ง เป็นคนที่กัดเรื่องไม่ปล่อยมาแต่แรก มาเสริมทัพ ถือว่า ขับเคลื่อนได้อย่างมีขบวนการ เห็นได้จากการจัดกิจกรรมบรรยายให้ความรู้เรื่องชังชาติ กับประชาชนในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จนหลายคนกลัวว่าจะเป็นการ “บ่มเพาะ” ทางความคิดที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากับฝ่าย “ชังชาติ” หรือ “พังชาติ” อย่างที่ นายไพศาล พืชมงคล กล่าวถึง

ขณะที่ฝ่าย “ชังชาติ” หรือ “พังชาติ” คือ พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ประกาศตนมาตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำพรรค ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยหลายอย่าง โดยเฉพาะโครงสร้างสังคมแบบอุปถัมภ์ เช่น มีการเรียก ลุง ป้า น้า อา ที่ดูไม่เท่าเทียม การฝักใฝ่ม็อบฮ่องกง หรือ ได้ฮ่องกง เป็นแรงบันดาลใจ การต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะถือว่ามาจากการสืบทอดอำนาจ และระบบเผด็จการทุกรูปแบบ รวมถึงมีการพลาดพิงสถาบันเบื้องสูง จนถูกฟ้องเป็นคดีอยู่ในศาล ฯลฯ

ฝ่ายนี้ เมื่อไม่นานมานี้มีการวิจารณ์ ระบบศาลที่วินิจฉัยคดีทางการเมืองว่า เป็นศาลการเมือง เป็น “นิติสงคราม” คือ การเอาประเด็นในมือศาล มาอยู่ในมือสื่อ จากนั้นก็เสนอข่าวทุกวัน จนคนเชื่อว่า ผิดจริง โดยไม่สนใจสาระสำคัญ หรือข้อเท็จจริง ทำนองว่า ฝ่ายตนกำลังถูก “นิติสงคราม” เล่นงาน

ขณะที่เมื่อดูพฤติกรรม แฟลซม็อบ แล้ว ก็ไม่ต่างจากการนำประเด็นจากมือรัฐสภา มาอยู่ในมือม็อบ เช่นกัน หรือ การทำ “สงครามปลุกกระแสกดดันนอกสภา” ให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง คือ ทำทุกเดือน เพื่อให้เกิดกระแสคล้อยตามในเรื่องที่ต้องการต่อสู้ในสภาฯ เรื่องนี้นับว่า มีการวางแผนอย่างไม่ธรรมดา

สุดท้าย ก็อย่างที่ นายไพศาล พืชมงคล โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อสองพวกทำให้สถานการณ์สุกงอม ก็จะเกิดแนวร่วม “ชังชาติ” และ “แนวร่วมต่อต้านพังชาติ” อย่างแข็งกร้าวในสังคมไทย และเมื่อไหร่ถ้าเกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ เมื่อนั้น “สิ้นชาติ” จะไม่ใช่สิ่งที่มีการพูดกันลอยๆอย่างแน่นอน และนี่คือ กลิ่นที่เริ่มโชยออกมาเตะจมูก ผู้มีประสบการณ์หลายคนแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น