"ประยุทธ์" เยือนไร่กุดจอก อ.ภูเขียว วอนคนไทยช่วยลดอุณหภูมิขัดแย้ง อย่าฟังเรื่องปวดหัวทำเป็นโรคประสาท ลั่น "ผมกลัวคุก" ทำอะไรต้องยึดกม. บ่นพูดอยู่ได้ใช้อำนาจ ลั่นถ้าใช้จริงไม่มานั่งให้ด่า-ตั้งฉายาแบบนี้ พร้อมถามกลับนี่เหรอเผด็จการ
วันนี้ (25 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ หมายเลข 31525 และใช้รถทะเบียน กจ. 2987 ชัยภูมิ เดินทางมายังไร่กุดจอก (ไร่อ้อย) อ.ภูเขียว เพื่อพบปะประชาชนประมาณ 5,000 คนคนและตรวจเยี่ยมการตัดอ้อย สางใบอ้อย และเก็บใบอ้อย ด้วยวิธีการทำไร่อ้อยสมัยใหม่ (Modern Farm) ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการไร่อ้อยอย่างยั่งยืนจากองค์ความรู้ที่ได้มีการนำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย เสริมประสิทธิภาพในการทำไร่อ้อยและลดการเผาอ้อยและลดค่า PM2.5 โดยทันทีที่เดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงฟ้อนรำในบทเพลง"ไร่อ้อยคอยรัก"
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า รู้ว่าทุกคนรอนายกฯ มานาน นายกฯก็รอมาทั้งเดือนไม่ได้มาสักที แต่ก็ส่งใจมาให้ทุกวันได้รับกันหรือไม่ แต่วันนี้ตัวจริงมาแล้วที่เห็นพูดกันที่นู้นที่นี่เป็นตัวปลอม วันนี้ประชาชนจะมามากหรือมาน้อยก็ไม่เป็นไร ถือว่ามาพูดคุยกันใครไม่ได้มาก็ส่งใจให้กัน
จากนั้นนายกฯ แนะนำรัฐมนตรีที่ร่วมคณะมาด้วย พร้อมกล่าวว่า วันนี้เราทำงานร่วมกันแบบประชารัฐ ไม่ว่าพรรคไหนนี่คือพรรครัฐบาล ที่มีพรรคร่วมถึง 19 พรรครวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ แต่ทุกคนต้องทำงานให้ได้ เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกมา เมื่อประชาชนเลือกมาตนก็ต้องทำงานกับทุกคนให้ได้ ซึ่งเลือกยังไงก็ไม่รู้ทำให้นายกฯมายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเลือกไม่ดีตนก็ไม่ได้มายืนตรงนี้ ใช่หรือไม่ เพราะคนเหล่านี้เป็นคนสนับสนุนตนและสนับสนุนรัฐบาล อย่างไรก็ตามประเทศไทยและคนไทยเท่าเทียมกันทุกอย่างในการจะทำอะไร แต่ขอให้เหมาะสมก็แล้วกันในการใช้ชีวิตของเรา ทั้งนี้การปลูกอ้อยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ก็มีการจุดไฟเผาทิ้ง วันนี้การเกษตรแบบดั้งเดิมยังไงก็ต้องเผาดังนั้นขอให้ช่วยกันลด pm 2.5 ให้ได้ เพราะถือว่าอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศทำอย่างไรให้ประเทศของเราปลอดภัย รวมถึงการเกษตรก็ต้องทำให้ปลอดภัย เพราะโลกให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ซึ่งวันนี้โรคประจำตัวคนไทยมีทั้งโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน และโรคประสาท
เมื่อพูดถึงช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดหัวเราะ ก่อนกล่าวต่อว่า"โรคเครียด โรคประสาท ไม่ใช่บ้าหรอก มันเครียดไง ประสาทเสื่อมบ้าง โรคหลงลืม อัลไซเมอร์ต่างๆ เหล่านี้ ต้องศึกษาด้วยสุขภาพสำคัญ และการที่เราผ่านชีวิตมาถึงวันนี้ถือว่าเราอดทนมากที่สุดแล้ว ที่อยู่ในโลกใบนี้มาอย่างปลอดภัยแข็งแรงจนถึงทุกวันนี้"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากสุขภาพแล้วเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชนก็สำคัญ รวมทั้งความสุขของสังคมและชุมชนที่ถือเป็นอาหารใจ หากไม่มีความสุขไม่มีอะไรกินและไม่มีอะไรใช้ก็ไม่มีความสุข โดยขอให้ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีมากใช้มากมีน้อยใช้น้อย ส่วนรัฐบาลก็เติมในส่วนอื่น เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งย้ำว่าไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการทำให้คนทุกกลุ่มได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันต้องทำให้ทุกคนมีความสุขตั้งแต่เด็กโตเป็นผู้ใหญ่จนตาย จึงต้องดูว่าเราสามารถให้ได้มากน้อยเท่าไหร่ ถ้าให้มากเกินไปก็จะไปไม่ถึงคนอื่น เป็นสิ่งที่ตนพยายามคิดทุกวันนี้ โดยต้องวางเป้าหมายว่าจะใช้งบประมาณลงไปที่ใดบ้าง เหมือนกำลังตัดเสื้อให้พอตัวมาตรการช่วยเหลือให้พอตัวตรงความต้องการประชาชนแต่ละพื้นที่
"วันนี้อย่าให้อะไรมันร้อนขึ้นมาเลย อย่าให้อุณหภูมิมันร้อนขึ้นมากๆ ความขัดแย้งสูง ไปรับฟังเรื่องบางเรื่องแล้วปวดหัวโรคประสาทก็จะขึ้นอีก อย่าไปฟังมากนัก เอาเรื่องดีๆมาคุยกันปัญหามันต้องมีทางออกด้วยรัฐออกด้วยตัวเรา ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ถ้าบอกว่ารับต้องทำนู่นต้องทำนี่ แล้วรัฐต้องทำด้วยอะไร ต้องทำด้วยกฎหมายและกฎระเบียบ ทำผิดๆถูกๆตามใจก็ติดคุก ผมกลัวคุกนะ ใครไม่กลัวล่ะ ดังนั้นทำอะไรก็ต้องกลัวและต้องระมัดระวัง หลายคนบอกผมใช้อำนาจๆ ก็พูดไปเถอะ ถ้าใช้อำนาจจริงคงไม่มานั่งกันอยู่แบบนี้ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสว่าผมก็ได้จะด่าผมอะไรก็ได้ ผมก็เฉย แล้วอย่างนี้เหรอเผด็จการ ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน จะตั้งฉายาอะไรผมก็ตั้ง อยากตั้งตั้งไปให้คนตั้งปวดท้องผมไม่เป็นอะไรหรอก อย่าไปให้ความสำคัญ เรารู้อยู่ว่าเราทำอะไร เราต้องรู้ว่าทำอะไรอยู่ อะไรคือถูกอะไรคือผิดทุกคนรู้อยู่แล้ว ดังนั้นการฟังคำพูดอะไรบางทีเชื่อง่ายไปหรือเปล่า หรือเปิดโทรศัพท์ดูมันเชื่อได้หรือแบบนี้ ถ้าแบบนี้มันคงไม่เกิดเรื่องอื่นๆเช่นการหลอกลวง เรื่องใบ้หวยแล้วก็ไม่เคยถูก วันนี้ก็บอกให้เขาปิดทะเบียนรถไม่รู้ปิดหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ถูกก็ด่านายกฯอีก ไม่รู้จะว่ายังไงคนไทย แต่ผมสนับสนุนไม่ได้อยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรามีประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ต้องดูแลจึงจำเป็นต้องมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ประชานิยม แต่ต้องการให้คนสามารถที่จะใช้อาชีพอยู่ได้ มีหลายคนออกมาพูดว่าบัตรนี้อย่าไปรับเลย เสียชื่อ เสียประวัติ จะไปกลัวทำไมในเมื่อเราไม่มีข้าวจะกินรัฐบาลต้องดูแลมากบ้างน้อยบ้าง ใครที่โกงพยายามจะให้ได้บัตรบางคนไม่ต้องการได้บัตรไปทำอะไรไม่ต้องการเงินแต่เอาไว้โชว์ว่าฉันก็มีแบบนี้เหมือนกันพวกรวยรวยชอบมีแบบนี้มีบัตรเบ่งบัตรอะไรฉันก็มีบัตรนี้มีทั้งหมด ซึ่งต้องเห็นใจคนเค้าที่ไม่มีรายได้จริงๆด้วย
ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามว่ามีนักการเมืองหรือส.ส.คนไหนจะถามอะไรหรือไม่ คงไม่มีเพราะวันนี้ทุกคนต่างไปประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวว่า
“และนี่คือประชาธิปไตยแล้วเลือกตั้งก็เลือกกันเข้ามาแล้วส.ส.ก็เข้าไปนั่งในสภาและเป็นรัฐมนตรีแล้ว แล้วอะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกสภาก็มีกฎหมายก็ออกโดยสภามีการซักถามอภิปรายและตอบกระทู้กันทุกวัน ส.ส.บางคนก็ไปถ่ายกระทู้มาแล้วพูดข้างเดียว แล้วก็ฟังอยู่ข้างเดียว เวลาที่เขาตอบท่านก็ไม่รู้เรื่องว่าเขาตอบว่าอย่างไร ขอร้องว่าต้องให้มีเหตุมีผล ต้องฟังสิ่งที่รัฐบาลได้มีการชี้แจงไม่เช่นนั้นประชาขนก็จะไม่รู้ เรื่องนี้ตนจำเป็นต้องพูดเพราะเจอปัญหาเหล่านี้มามากทำให้เกิดปัญหาคำขัดแย้งและทำงานไม่ได้
“ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ ขอให้การทำงานทุกอย่างมีความต่อเนื่องมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงและในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2563 นี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลเจ้าพ่อพญาแลและสิ่งที่ทุกคนเคารพนับถือดลบันดาลให้ทุกคนมีความสุขมีความเจริญ มีสุขภาพอนามัยที่เข้มแข็ง เพื่อจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าสืบต่อไปขอเดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คุ้มครองปกป้องพวกเราทำให้ประเทศไทยสงบสุขเสียที ทำให้คนดีช่วยกันทำให้ประเทศไทยสำเร็จ ผมรักประเทศของผม ผมรักพี่น้องประชาชนของผม เวลาที่ผมเห็นใครไม่ค่อยรักกันผมไม่ค่อยมีความสุข วันนี้ผมอารมณ์ดีพูดอะไรก็ขำแม้อากาศจะร้อนก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้วันนี้ขอให้สู้ต่อไป ถามคำเดียวใจสู้หรือเปล่า สู้หรือไม่สู้ ขอให้สู้ไปด้วยกัน สู้ไปกับผม ไม่ใช่สู้กับผม แต่ให้สู้ไปกับผม”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะประชาชนโดยมีการเปิดเพลง”ศรัทธา”ของมีเนื้อหาท่อนหนึ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ชื่นชอบคือ”ใจสู้หรือเปล่า”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า . เด็กนักเรียนจากโรงเรียนภูเขียว ได้สวมเสื้อยืดสีขาวโดยมีสติ๊กเกอร์การ์ตูนนายกลุงตู่ซึ่งด้านหลังระบุข้อความว่า "ลุงตู่ผู้จงรักภักดี ผู้ถวายชีวิตเป็นราชพลีต่อแผ่นดินไทย ขอให้ต่อสู้ กู้บ้านเมืองเรืองวิไล ขอให้กำลังใจลุงตู่ผู้กู้บ้านเมือง" กองหนุนลุงตู่ FC