ผู้จัดการรายวัน360- "ลุงตู่" อ้อนคนชัยภูมิ บอกตัวเองลูกพญาแล บ้านเกิดแม่ ยอมรับคนอีสานไม่ชอบเยอะ ยิ่งต้องมาสร้างความเข้าใจ วอนคนไทยช่วยลดอุณหภูมิขัดแย้ง ขออย่าฟังเรื่องปวดหัว จะเป็นโรคประสาท รับเต็มปาก "ผมกลัวคุก" ทำอะไรต้องยึดกฎหมาย แต่ก็ยังพูดกันอยู่ได้ว่าใช้อำนาจ ลั่นถ้าใช้จริงไม่มานั่งให้คนด่าอย่างนี้ พร้อมถามกลับ นี่หรือเผด็จการ
เช้าวานนี้ (25ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมพร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมว.ศึกษาธิการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานขอนแก่นเพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งใน จ.ชัยภูมิ
เมื่อนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางถึงสนามบินขอนแก่น ก็มีส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มารอให้การต้อนรับ นำโดย นายสมศักดิ์ คุณเงิน ซึ่งได้รับชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น . โดยมีการนำผ้าขาวม้า มาผูกเอวให้การต้อนรับ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวว่า ขอให้ช่วยกันดูแลประชาชน จากนั้นนายกฯ ได้เข้าพักผ่อนที่ห้องรับรอง ก่อนจะนำคณะเดินทางไป จ.ชัยภูมิ
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายกฯและคณะ เดินทางถึง พื้นที่คลองเทา บ้านหนองแหน ต.หนองไผ่ อ.เมืองฯ จ.ชัยภูมิเพื่อ ตรวจติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมี ผู้ว่าฯชัยภูมิ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ข้าราชการท้องถิ่น และ ประชาชน ประมาณ 1 หมื่นคนรอให้การต้อนรับ
หลังนายกฯ ฟังการบรรยายสรุป การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูและพัฒนาคูคลองโดยการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชน ก็ได้กล่าวขึ้นเวทีพบปะประชาชน พร้อมกล่าวว่า ปัญหาเรื่องน้ำและทุกๆ เรื่อง มีความสำคัญที่รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แม้นายกฯ จะไม่ได้ทำการเกษตรเอง แต่ก็เข้าใจว่าชาวบ้านมีความเดือดร้อนและยากลำบากอย่างไร เพราะตนเป็นคนชัยภูมิ เนื่องจากแม่เป็นสาวชัยภูมิ ส่วนพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ไปทำงานโคราช และจีบสาวชัยภูมิ สำหรับตนหน้าเหมือนแม่มากที่สุด
"วันนี้มาเจอกันด้วยความรักและความปรารถนาดีให้กัน และทุกรัฐมนตรีที่มาวันนี้มาจากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย นี่คือพรรคร่วมรัฐบาลหลักทั้ง 3 พรรค ซึ่งทั้งหมดมี 19 พรรค ซึ่งเราจะต้องบริหารให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ส่วนการวาดหวังอะไรใหม่ๆ วันข้างหน้าก็ค่อยไปว่ากัน ตอนนี้เอาวันนี้ให้เดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ก่อน อย่าพึ่งไปคิดว่าอย่างโน้นจะดีกว่า อย่างนี้จะดีกว่า เอาที่มีอยู่แล้วทำงานให้มันดีได้ก่อน และผมในฐานะนายกฯ ก็จะทำให้ดีที่สุด โดยไม่ได้ต้องการอะไรจากใครทั้งสิ้น
วันนี้ที่มา จ.ชัยภูมิ ก็รู้ดีว่ามีส.ส.หลายพรรค พื้นที่อีสานก็มีคนไม่ชอบผมเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็มา ตรงไหนยิ่งไม่ชอบ ก็ยิ่งต้องมาใหญ่ เพื่อให้เข้าใจว่า ผมเป็นอย่างไร ผมเป็นคนที่ไม่พูดโกหก ไม่หลอกลวงใคร มาวันนี้ต้องการพูดความจริงใจของรัฐบาลว่า มีความห่วงใยต่อทุกคนอย่างไร นั่งรถ นั่งเครื่องบินมา ก็ใจหาย เพราะเห็นพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง แหล่งน้ำก็มีน้ำน้อย"
การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น ที่ผ่านมารอคอยโครงการวังสะพุง มากว่า 30 ปี รัฐบาลนี้อยู่มา 5 ปี ก็เสร็จสิ้น สามารถกักเก็บน้ำได้ มีพื้นที่รับประโยชน์อีกกว่า 200,000 ไร่ ถือเป็นอนุสรณ์แห่งความผูกพัน ระหว่างตนกับชาวชัยภูมิ ในฐานะที่เป็นลูกหลาน เจ้าพ่อพญาแล
"ที่จังหวัดชัยภูมิ นอกจากพืชเศรษฐกิจตัวอื่นแล้ว มีการปลูกต้นรักกันบ้างหรือไม่ ขอให้ปลูกต้นรักกันเยอะๆ ไม่ใช่แค่ต้นรักที่นำไปร้อยพวงมาลัย แต่เป็นต้นรักจากใจ ให้มันจะผลิดอกออกผล อยู่ในตัวเรา เราต้องทำตัวเป็นต้นรัก โดยเอาความรักไปให้คนอื่น เดี๋ยวเราก็จะได้กลับมาเอง ไม่ว่าใครจะไม่ชอบหรือรังเกียจ ก็ให้ความรักไปเถอะ คนเราคบกันบางคนก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ความรักจะทำให้คนดีมากขึ้น แต่ถ้าเราเลิกคบเขาไปเลย ก็จะยิ่งไม่ดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ต้องลองคบดู หาส่วนดีและค่อยๆแก้ เขาก็จะทำให้สังคมเราดีขึ้น"
จากนั้น นายกฯ ได้กล่าวถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งมาตรการการตรึงราคาค่าไฟฟ้าระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ปีหน้า และมาตรการอื่นๆ รวมทั้งโครงการต่างๆที่ได้กำหนดเป็นนโยบายไว้ โดยการเรียงลำดับไปตามความสำคัญ
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฯ และคณะ เดินทางไปยัง ไร่กุดจอก (ไร่อ้อย) อ.ภูเขียว เพื่อพบปะประชาชนประมาณ 5,000 คนคน และเยี่ยมชม การทำไร่อ้อยสมัยใหม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการไร่อ้อยอย่างยั่งยืน ลดการเผาอ้อย และลดค่า PM2.5
เมื่อเดินทางถึง ทางประชาชนได้จัดการแสดงฟ้อนรำ ในบทเพลง "ไร่อ้อยคอยรัก"ต้อนรับนายกฯ โดยนายกฯ กล่าวกับประชาชน ว่า รู้ว่าทุกคนรอ นายกฯมานาน นายกฯ ก็รอมาทั้งเดือนไม่ได้มาสักที แต่ก็ส่งใจมาให้ทุกวัน
รัฐบาลนี้ ทำงานร่วมกันแบบประชารัฐ ไม่ว่าพรรคไหน นี่คือพรรครัฐบาล ที่มีพรรคร่วมถึง 19 พรรค รวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ แต่ทุกคนต้องทำงานให้ได้ เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกมา เมื่อประชาชนเลือกมา ตนก็ต้องทำงานกับทุกคนให้ได้ นายกฯ กล่าวถึงการปลูกอ้อยว่า เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่เดิมก่อนจะตัดอ้อย ก็ต้องมีการเผาก่อน แต่การทำอ้อยยุคใหม่ ไม่มีการเผา เพื่อลด pm 2.5 ให้ได้ เพราะอันตรายต่อสุขภาพ
"วันนี้อย่าให้อะไรมันร้อนขึ้นมาเลย อย่าให้อุณหภูมิมันร้อนขึ้นมากๆ ความขัดแย้งสูง ไปรับฟังเรื่องบางเรื่องแล้วปวดหัวโรคประสาทก็จะขึ้นอีก อย่าไปฟังมากนัก เอาเรื่องดีๆ มาคุยกัน ปัญหามันต้องมีทางออกด้วยรัฐ ออกด้วยตัวเรา ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ถ้าบอกว่ารัฐต้องทำนู่น ต้องทำนี่ แล้วรัฐต้องทำด้วยอะไร ต้องทำด้วยกฎหมาย และกฎระเบียบ ทำผิดๆ ถูกๆ ตามใจ ก็ติดคุก ผมกลัวคุกนะ ใครไม่กลัวล่ะ ดังนั้นทำอะไรก็ต้องกลัวและต้องระมัดระวัง หลายคนบอกผมใช้อำนาจๆ ก็พูดไปเถอะ ถ้าใช้อำนาจจริง คงไม่มานั่งกันอยู่แบบนี้ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสว่า ผมก็ได้จะด่าผมอะไรก็ได้ ผมก็เฉย แล้วอย่างนี้หรือ เผด็จการ ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน"
จากนั้น นายกฯ และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยม โรงเรียนบ้านภูดิน (มิตรผลอุปภัมภ์) ซึ่งเป็นโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School)เยี่ยมชมการเรียนการสอนลักษณะการเรียนรู้จากการปฏิบัติ ชมนิทรรศการพัฒนาทักษะอาชีพ การทำน้ำอ้อยคั้นสด การจับจีบผ้า และ การทำมาลัยมะกรูดใบเตย เยี่ยมชมการสาธิตการบังคับหุ่นยนต์ โดยเด็กพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการเขียนโปรแกรม (Coding)เยี่ยมชมแปลงเพาะชำอ้อยของโรงเรียนบ้านภูดิน (มิตรผลอุปภัมภ์) ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
เช้าวานนี้ (25ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมพร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมว.ศึกษาธิการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานขอนแก่นเพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งใน จ.ชัยภูมิ
เมื่อนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางถึงสนามบินขอนแก่น ก็มีส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ มารอให้การต้อนรับ นำโดย นายสมศักดิ์ คุณเงิน ซึ่งได้รับชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 ขอนแก่น . โดยมีการนำผ้าขาวม้า มาผูกเอวให้การต้อนรับ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวว่า ขอให้ช่วยกันดูแลประชาชน จากนั้นนายกฯ ได้เข้าพักผ่อนที่ห้องรับรอง ก่อนจะนำคณะเดินทางไป จ.ชัยภูมิ
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายกฯและคณะ เดินทางถึง พื้นที่คลองเทา บ้านหนองแหน ต.หนองไผ่ อ.เมืองฯ จ.ชัยภูมิเพื่อ ตรวจติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมี ผู้ว่าฯชัยภูมิ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ข้าราชการท้องถิ่น และ ประชาชน ประมาณ 1 หมื่นคนรอให้การต้อนรับ
หลังนายกฯ ฟังการบรรยายสรุป การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูและพัฒนาคูคลองโดยการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชน ก็ได้กล่าวขึ้นเวทีพบปะประชาชน พร้อมกล่าวว่า ปัญหาเรื่องน้ำและทุกๆ เรื่อง มีความสำคัญที่รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แม้นายกฯ จะไม่ได้ทำการเกษตรเอง แต่ก็เข้าใจว่าชาวบ้านมีความเดือดร้อนและยากลำบากอย่างไร เพราะตนเป็นคนชัยภูมิ เนื่องจากแม่เป็นสาวชัยภูมิ ส่วนพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ไปทำงานโคราช และจีบสาวชัยภูมิ สำหรับตนหน้าเหมือนแม่มากที่สุด
"วันนี้มาเจอกันด้วยความรักและความปรารถนาดีให้กัน และทุกรัฐมนตรีที่มาวันนี้มาจากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย นี่คือพรรคร่วมรัฐบาลหลักทั้ง 3 พรรค ซึ่งทั้งหมดมี 19 พรรค ซึ่งเราจะต้องบริหารให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ส่วนการวาดหวังอะไรใหม่ๆ วันข้างหน้าก็ค่อยไปว่ากัน ตอนนี้เอาวันนี้ให้เดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ก่อน อย่าพึ่งไปคิดว่าอย่างโน้นจะดีกว่า อย่างนี้จะดีกว่า เอาที่มีอยู่แล้วทำงานให้มันดีได้ก่อน และผมในฐานะนายกฯ ก็จะทำให้ดีที่สุด โดยไม่ได้ต้องการอะไรจากใครทั้งสิ้น
วันนี้ที่มา จ.ชัยภูมิ ก็รู้ดีว่ามีส.ส.หลายพรรค พื้นที่อีสานก็มีคนไม่ชอบผมเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็มา ตรงไหนยิ่งไม่ชอบ ก็ยิ่งต้องมาใหญ่ เพื่อให้เข้าใจว่า ผมเป็นอย่างไร ผมเป็นคนที่ไม่พูดโกหก ไม่หลอกลวงใคร มาวันนี้ต้องการพูดความจริงใจของรัฐบาลว่า มีความห่วงใยต่อทุกคนอย่างไร นั่งรถ นั่งเครื่องบินมา ก็ใจหาย เพราะเห็นพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง แหล่งน้ำก็มีน้ำน้อย"
การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น ที่ผ่านมารอคอยโครงการวังสะพุง มากว่า 30 ปี รัฐบาลนี้อยู่มา 5 ปี ก็เสร็จสิ้น สามารถกักเก็บน้ำได้ มีพื้นที่รับประโยชน์อีกกว่า 200,000 ไร่ ถือเป็นอนุสรณ์แห่งความผูกพัน ระหว่างตนกับชาวชัยภูมิ ในฐานะที่เป็นลูกหลาน เจ้าพ่อพญาแล
"ที่จังหวัดชัยภูมิ นอกจากพืชเศรษฐกิจตัวอื่นแล้ว มีการปลูกต้นรักกันบ้างหรือไม่ ขอให้ปลูกต้นรักกันเยอะๆ ไม่ใช่แค่ต้นรักที่นำไปร้อยพวงมาลัย แต่เป็นต้นรักจากใจ ให้มันจะผลิดอกออกผล อยู่ในตัวเรา เราต้องทำตัวเป็นต้นรัก โดยเอาความรักไปให้คนอื่น เดี๋ยวเราก็จะได้กลับมาเอง ไม่ว่าใครจะไม่ชอบหรือรังเกียจ ก็ให้ความรักไปเถอะ คนเราคบกันบางคนก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ความรักจะทำให้คนดีมากขึ้น แต่ถ้าเราเลิกคบเขาไปเลย ก็จะยิ่งไม่ดีมากขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ต้องลองคบดู หาส่วนดีและค่อยๆแก้ เขาก็จะทำให้สังคมเราดีขึ้น"
จากนั้น นายกฯ ได้กล่าวถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ทั้งมาตรการการตรึงราคาค่าไฟฟ้าระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ปีหน้า และมาตรการอื่นๆ รวมทั้งโครงการต่างๆที่ได้กำหนดเป็นนโยบายไว้ โดยการเรียงลำดับไปตามความสำคัญ
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายกฯ และคณะ เดินทางไปยัง ไร่กุดจอก (ไร่อ้อย) อ.ภูเขียว เพื่อพบปะประชาชนประมาณ 5,000 คนคน และเยี่ยมชม การทำไร่อ้อยสมัยใหม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการไร่อ้อยอย่างยั่งยืน ลดการเผาอ้อย และลดค่า PM2.5
เมื่อเดินทางถึง ทางประชาชนได้จัดการแสดงฟ้อนรำ ในบทเพลง "ไร่อ้อยคอยรัก"ต้อนรับนายกฯ โดยนายกฯ กล่าวกับประชาชน ว่า รู้ว่าทุกคนรอ นายกฯมานาน นายกฯ ก็รอมาทั้งเดือนไม่ได้มาสักที แต่ก็ส่งใจมาให้ทุกวัน
รัฐบาลนี้ ทำงานร่วมกันแบบประชารัฐ ไม่ว่าพรรคไหน นี่คือพรรครัฐบาล ที่มีพรรคร่วมถึง 19 พรรค รวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ แต่ทุกคนต้องทำงานให้ได้ เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกมา เมื่อประชาชนเลือกมา ตนก็ต้องทำงานกับทุกคนให้ได้ นายกฯ กล่าวถึงการปลูกอ้อยว่า เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่เดิมก่อนจะตัดอ้อย ก็ต้องมีการเผาก่อน แต่การทำอ้อยยุคใหม่ ไม่มีการเผา เพื่อลด pm 2.5 ให้ได้ เพราะอันตรายต่อสุขภาพ
"วันนี้อย่าให้อะไรมันร้อนขึ้นมาเลย อย่าให้อุณหภูมิมันร้อนขึ้นมากๆ ความขัดแย้งสูง ไปรับฟังเรื่องบางเรื่องแล้วปวดหัวโรคประสาทก็จะขึ้นอีก อย่าไปฟังมากนัก เอาเรื่องดีๆ มาคุยกัน ปัญหามันต้องมีทางออกด้วยรัฐ ออกด้วยตัวเรา ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ถ้าบอกว่ารัฐต้องทำนู่น ต้องทำนี่ แล้วรัฐต้องทำด้วยอะไร ต้องทำด้วยกฎหมาย และกฎระเบียบ ทำผิดๆ ถูกๆ ตามใจ ก็ติดคุก ผมกลัวคุกนะ ใครไม่กลัวล่ะ ดังนั้นทำอะไรก็ต้องกลัวและต้องระมัดระวัง หลายคนบอกผมใช้อำนาจๆ ก็พูดไปเถอะ ถ้าใช้อำนาจจริง คงไม่มานั่งกันอยู่แบบนี้ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสว่า ผมก็ได้จะด่าผมอะไรก็ได้ ผมก็เฉย แล้วอย่างนี้หรือ เผด็จการ ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน"
จากนั้น นายกฯ และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยม โรงเรียนบ้านภูดิน (มิตรผลอุปภัมภ์) ซึ่งเป็นโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School)เยี่ยมชมการเรียนการสอนลักษณะการเรียนรู้จากการปฏิบัติ ชมนิทรรศการพัฒนาทักษะอาชีพ การทำน้ำอ้อยคั้นสด การจับจีบผ้า และ การทำมาลัยมะกรูดใบเตย เยี่ยมชมการสาธิตการบังคับหุ่นยนต์ โดยเด็กพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการเขียนโปรแกรม (Coding)เยี่ยมชมแปลงเพาะชำอ้อยของโรงเรียนบ้านภูดิน (มิตรผลอุปภัมภ์) ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน