7 หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านลงสัตยาบันแก้รัฐธรรมนูญ “สมพงษ์” ซัด รธน.สร้างปัญหา หวังรัฐเจียดเงินทำประชามติ “ธนาธร” ขอ “ประยุทธ์” ลาออกเป็นของขวัญปีใหม่ “เสรีพิศุทธ์” ลั่นถ้ามีอำนาจจะยึดอำนาจฉีก กม.สูงสุด เอา ปี40 มาใช้ “วันนอร์” บอก “เอก” เหยื่อของเผด็จการ
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จัดเสวนาพรรคการเมืองร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ , พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย , นายวันมูหมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคประชาชาติ , พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ , นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ , นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ , นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย โดยมี นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการดำเนินรายการ โดยทันทีที่นายธนาธร ปรากฎตัว ได้มีแฟนคลับปรบมือ เรียกชื่อ พร้อมตะโกนว่า "ฮีโร่ เราจะไม่ทิ้งกัน"
ทั้งนี้ก่อนเริ่มเสวนา 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลงนามให้สัตยาบันร่วมกันแก้ไข และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยยึดมั่นในหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมเห็นพ้องจะร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่ให้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตนารมณ์และตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
นายสมพงษ์ กล่าวในการเสวนาว่า ปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ และเป็นความต้องการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นจึงมีการวางแผน จัดตั้งบุคลากรต่างๆ จนนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา เพื่อให้รัฐธรรมนูญเกิดปัญหา เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะฝ่ายที่เห็นตรงข้าม จึงเกิดปัญหาที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ ตลอดจน การพิจารณาบังคับใช้กฎหมายยังมีข้อกังขามากมาย ทั้งตัวบทกฎหมายไม่ตรงกับการปฏิบัติ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ เจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่ดีโดยทั่วไปต้องเขียน หรือสร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับประชาชน เป็นธรรม ยุติธรรม สร้างดุลยภาพของทุกภาคส่วนให้สมดุล แต่รัฐธรรมนูญนี้สร้างองค์กรหนึ่ง คือ ส.ว. ที่เป็นเครื่องมือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงการสืบทอดอำนาจให้เป็นไปโดยสะดวก และ ส.ว. ยังมีอำนาจมากกว่าประชาชน จึงมองว่า การเดินหน้าประเทศ ต้องเกิดจากรัฐธรรมนูญที่มีความสมดุล ไม่ใช่เกิดจากปืน หรือ รถถัง พร้อมวิงวอนทุกภาคส่วน ร่วมมือที่จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนส่วนอื่นๆเข้าใจ และหาทางแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะเสียสละเงินเพื่อให้ทำประชามติ
ส่วนกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะร้องเรียนให้ยุบพรรคเพื่อไทย ถ้าช่วยเหลือพรรคอนาคตใหม่ หากถูกยุบพรรคนั้น นายสมพงษ์ ถามกลับว่า พรรคเพื่อไทยเป็นคนขี้กลัวหรือ ตอนนี้เรามาด้วยกัน อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องไปด้วยกัน
ด้านนายธนาธร กล่าวถึงเหตุผลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เพื่อต้องการหยุดยั้งความขัดแย้ง จัดสรรอำนาจใหม่ ว่าฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระ และประชาชน ว่าควรจะมีอำนาจฝ่ายละเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาการรัฐประหาร มีการจัดสรรอำนาจใหม่ให้กับตัวเองเท่านั้น ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ โดยให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันกำหนดกฎกติกา ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม มีแค่ 2 ทางเท่านั้น คือการแก้ไขด้วยเลือดหรือการแก้ไขด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วยกัน ดังนั้นเวลานี้ จึงเป็นเวลาที่จะต้องแสดงจุดยืนร่วมกัน เพื่อหาทางรอดให้กับสังคมไทย เพราะมองว่าของขวัญปีใหม่ที่จะทำให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุด คือ การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เชื่อว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่แย่ที่สุด แต่แนวทางในการแก้ไขของตนนั้นคงต่างจากพรรคอื่นๆ คือ ถ้าตนมีอำนาจเมื่อไหร่ตนจะยึดอำนาจ และฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเอารัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน ปี 2540 กลับมาใช้ ส่วนของขวัญปีใหม่ ที่นายธนาธร อยากให้เกิดขึ้นนั้น ตนกำลังทำอยู่ ในการตรวจสอบปัญหาเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณตน เข้ารับหน้าที่ ที่ยังไม่ครบ และย้ำว่าปัญหานี้ ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีอำนาจบริหารประเทศ จึงจำเป็นต้องเรียก พล.อ.ประยุทธ์ มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ
ด้านนายวันมูหมัดนอร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาล หากยังปล่อยให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะทำให้เกิดปัญหา ทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งนายธนาธร ถือว่าเป็นหนึ่งในเหยื่อ ของระบบเผด็จการ ที่ไม่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินหน้า และในอดีต มีการต่อสู้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ในช่วงปี 2475 เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยมา อย่างลุ่มๆดอนๆ แต่วงจรอุบาทว์ ของเผด็จการ ก็พยายามยึดอำนาจ จึงขอย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว แต่เราไม่ต้องการ ให้ระบอบเผด็จการทำรัฐประหารต่อไป ซึ่งการรัฐประหารที่ผ่านมา เป็นเพราะประชาชนยินยอมให้เกิดการรัฐประหาร หลงผิดคิดว่าเขาเป็นเจ้าของอำนาจ ทั้งที่แผ่นดินนั้นเป็นของเรา เป็นของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต่างจากในประเทศอังกฤษ ที่ไม่สามารถทำรัฐประหารได้ เพราะประชาชนไม่ยินยอม พร้อมฝากถึงศาลและผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการตัดสินต้องยึดตามหลักศีลธรรมในการพิจารณาคดี
นายวันมูฮัมหมัด กล่าวต่อว่า การต่อสู้ของนายธนาธร ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่ไม่มีวันที่เผด็จการจะชนะใจประชาชนได้เลย ดังนั้นวันนี้เวลาถึงเวลาของประชาชนแล้ว ไม่ใช่เวลาของนายธนาธร พร้อมทั้ง ชี้ให้เห็นถึงระบบการเลือกตั้งของรัฐบาล ที่มีเสียงปริมน้ำจึงมีการจึงมีการซื้อเสียงด้วยการแจกกล้วย และขอให้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย และยังทิ้งท้ายด้วยว่า รัฐธรรมนูญจะต้องมาจากประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน
ขณะที่ นายมนูญ เผยว่า ตนพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนเท่านั้น
ด้านนายสงคราม ระบุว่า เราเป็นผู้รักชาติ จึงขออยากเก็บความรักชาติไว้คนเดียว แต่ต้องมาร่วมมือกัน ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญมาไม่ดี ก็จะทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อีกทั้งประเทศไทยกำลังจะล่มจม แต่รัฐบาลก็ยังโกหกประชาชนว่าเศรษฐกิจดี พร้อมกันนี้สร้างความขัดแย้ง สร้างความกลัว รังแกและยัดข้อหา ให้ฝ่ายตรงข้ามด้วย ทั้งนี้ย้ำว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขียนขึ้นมาแล้วปฏิบัติไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ก็จะไม่เกิดผลสำเร็จ หากไม่แก้รัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นทาสจะเป็นทาสยันชั่วลูกชั่วหลาน
ส่วนนายนิคม ได้ตั้งฉายาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปล้นประชาชน ปล้นความสุขไปจากประชาชน ปล้นเศรษฐกิจไปจากประชาชน ปล้นความหวังไปจากประชาชน และปล้นอนาคตใหม่ ไปจากประชาชน ด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญ ที่แก้ไขได้ยาก และเขียนเพื่อฉีดและยึดอำนาจเอง
ขณะที่บรรยากาศได้มีประชาชนมาร่วมรับฟังกันอย่างคับคั่ง ซึ่งในจำนวนนั้นได้มีการแจกปฏิทินปีใหม่ 2563 ที่มีรูปของนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาแจกจ่ายกันด้วย โดยหลายคนต่างแสดงความชื่นชอบและถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก