ผบ.ทบ.เผยไม่ต้องเพิ่มอะไรเป็นพิเศษรับมือกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 5 พ.ค. ไม่กังวลยกระดับชุมนุม คาดไม่น่ามารวมกับพีมูฟ เชื่อ ปชช.อยากให้บ้านเมืองสงบ แจงปรับคู่มือบังคับใช้ กม.ทำระยะยาว ไม่เกี่ยวชุมนุมรอบนี้ ระบุอดีต ส.ส.ไปสิงคโปร์พบ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เป็นดุลพินิจ ไม่ยุ่งถ้าไม่กระทบความมั่นคง
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการรับมือการชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ 5 พ.ค.นี้ ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม คิดว่าไม่มีอะไรต้องเพิ่มเป็นพิเศษ และไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น เพราะที่ผ่านมาเรามีการพูดคุยทำความเข้าใจกันมาตลอด และขอความร่วมมือในบางเรื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งต่างฝ่ายต่างยืนในจุดที่เหมาะสม ซึ่งพวกเขาอยากแสดงความคิดเห็นก็แสดงออกมาได้ แต่ต้องไม่มีผลกระทบต่อสังคม
เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้ปัญหาผลกระทบจากนโยบายรัฐนั้น จะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า กลุ่มนี้เป็นการชุมนุมจากปัญหาความเดือดร้อน เป็นเรื่องปกติที่สามารถดำเนินการได้ โดยเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้ในการส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยและขอความร่วมมือในบางเรื่อง เช่น ปัญหาการจราจร เมื่อพวกเขาได้แสดงออกเพื่อเรียกร้องตามเจตนารมณ์ก็ขอให้เดินทางกลับบ้าน หากพักค้างแรมในพื้นที่กรุงเทพฯหลายวัน อาจมีจุดอ่อนที่คนจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทุกอย่างยังคงเรียบร้อย ส่วนจะมีการขนคนจากต่างจังหวัดมาสมทบการเคลื่อนไหววันที่ 5 พ.ค.นี้หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวและยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว และไม่กังวลการยกระดับชุมนุมกลางเดือน พ.ค.นี้
“ผมคิดว่าเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นบ้านเมืองสงบ ส่วนการแสดงออกครบรอบ 4 ปี คสช.ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็มีกรอบการปฏิบัติต่างๆ ที่เหมาะสม และทุกวันนี้ทุกอย่างก้าวสู่กระบวนการเป็นประชาธิปไตย มีขั้นตอนที่ชัดเจน” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว
เมื่อถามว่ากลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะมาผสมโรงกับกลุ่มพีมูฟหรือไม่นั้น พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าความต้องการของแต่ละกลุ่มต่างกัน ซึ่งกลุ่มพีมูฟเคลื่อนไหวในปัญหาที่ได้รับความเดือดร้อน จึงไม่น่าจะมาเชื่อมโยงกันได้ พวกเขาคงรักษาเจตนารมณ์ในการเรียกร้องเพื่อแก้ไขปัญหาเป็นหลัก
เมื่อถามถึงกรณีที่ทหารสังกัด มณฑลทหารบกที่ 33 เข้าสกัดกลุ่มพีมูฟ ที่ด่านแม่ทา จ.ลำพูน หลังจะเดินทางมาสมทบกรุงเทพฯ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าในบางเรื่องเราให้กรอบการปฏิบัติไปแล้ว แต่บางครั้งเป็นการตัดสินใจเฉพาะบางพื้นที่ ที่แตกต่างกันออกไป อะไรที่เกินเลยไป ตนได้พูดคุยกับผู้บังคับหน่วยในพื้นที่แล้วให้ปฏิบัติว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้เกิดผลกระทบการจราจรในกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นข้อเรียกร้องที่สามารถเสนอในพื้นที่ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหมในกองทัพบกจัดทำคู่มือการบังคับใช้กฎหมายและคำสั่ง คสช.ให้เจ้าหน้าที่ว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าคู่มือดังกล่าวเป็นคู่มือเดิมที่เราเคยใช้อยู่ เพื่อดูแลความเรียบร้อยกรณีมีการชุมนุม แต่สถานการณ์ผ่านมานานพอสมควรแล้วจึงนำคู่มือนี้มาปรับปรุง เพราะมีการเรื่องใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมา มีการจัดทำ พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ พ.ศ. 2558 ขึ้นมา และมีคำสั่ง คสช.หลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม จึงนำมาปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกัน และที่ผ่านมาเรามีการปรับเปลี่ยนกำลังพลในหลายส่วน ซึ่งกำลังพลที่เข้ามารับหน้าที่ใหม่จะได้รับทราบข้อมูลตรงนี้ด้วย ตอนนี้ยังอยู่ในการปรับปรุงคู่มือฉบับนี้อยู่
“การปรับปรุงแก้ไขคู่มือดังกล่าว เป็นสิ่งที่เราทำระยะยาว ไม่เกี่ยวข้องกับการรองรับการชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีรูปแบบเป็นรายละเอียดที่แจกให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจ ขณะที่กำลังพลที่เป็นลูกแถวก็จะมีรายละเอียดเฉพาะในการปฏิบัติอยู่ด้วย แต่คู่มือใหญ่จะเป็นภาพรวมที่อธิบายถึงเจตนารมณ์ความรับผิดชอบและขอบเขตอำนาจต่างๆ จากนั้นก็จะแยกย่อยไปว่าระดับไหนจะเป็นอย่างไรและรู้แค่ไหน” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว
เมื่อถามว่ามีรายงานข่าว่าแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้ติดต่อกับนายทักษิณนั้น พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารค่อนข้างไปได้ทั่ว ไม่จำเป็นต้องมาใกล้ประเทศไทย
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่าอยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละคน ส่วนตัวถ้าอะไรที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงในประเทศ ตนก็ไม่อาจไปอะไรเท่าใดนัก และขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็น ซึ่งทางการข่าวตนไม่ได้ติดตาม เพราะเป็นเรื่องของระหว่างประเทศดำเนินการไป
เมื่อถามว่าการปรากฏกายของ 2 อดีตนายกฯ ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ ที่มักจะเดินทางเข้ามาใกล้ประเทศไทยช่วงมีการชุมนุมในประเทศ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะทุกอย่างมีกลไกในการติดตามการเคลื่อนไหวของนายทักษิณอยู่แล้ว