สมาชิก พปชร.ยื่นหนังสือ กกต. ประสาน ปธ.สภาฯ เอาผิด ส.ส.วอล์กเอาต์แต่ยังอยู่ในห้องประชุม เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขอเอาเวลามาช่วยแก้ ศก. แขวะ “เทพไท” แหกมติพรรคเหมือนหยิบน้ำลายที่ถ่มทิ้งกลับมากิน จี้เลิกเป็นไม้หลักปักขี้เลน
วันนี้ (6 ธ.ค.) นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือถึง กกต.ถึงกรณีผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงวันที่ 27-24 พ.ย. และวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยผลจากการประชุมทำให้สภาล้ม ซึ่งพฤติกรรมของ ส.ส.โดยเฉพาะมีเสียงโห่ร้องเสียงดังในห้องประชุมสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ออกมาเตือน ส.ส.ว่าไม่ใช่โรงเหล้า ทั้งนี้ ตนได้ดูพฤติกรรมของ ส.ส.มาโดยตลอดตั้งแต่ทำงานมา 4-5 เดือน จะเห็นได้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ชอบใจ ก็จะแสดงพฤติกรรมส่งเสียงโห่ร้อง วันนี้ตนจึงมายื่นเรื่องต่อ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรมของ ส.ส.ที่มีการแสดงพฤติกรรมขณะที่อยู่ในห้องประชุมสภาฯ ด้วยการส่งเสียงโห่ร้องในห้องประชุม ซึ่งขัดต่อข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 15 (11) ในเรื่องจริยธรรมในการประพฤติปฏิบัติของส.ส.
นอกจากนี้ ยังมีความผิดในเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งประชาชนที่ติดตามดูการถ่ายทอดการประชุมสภาฯที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามี ส.ส.จำนวนหนึ่งวอล์คเอาท์ โดยไปยืนรวมอยู่ที่เดินด้านหลังห้องประชุมเพื่อคอยรอดูผลการลงมติในวาระต่างๆ ของการประชุมสภาฯ นั้น โดยที่ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวยังคงอยู่ในห้องประชุมฯแสดงว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่ที่ได้รับจากการเลือกตั้งจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพราะถ้าจะวอล์กเอาต์ก็ต้องเดินออกจากห้องประชุมไปเลย ซึ่ง ส.ส.ถ้ายังอยู่ในห้องประชุมสภาก็ต้องทำหน้าที่และทำได้เพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ลงมติ ไม่ลงมติ และงดเว้นการลงมติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังนั้น จึงขอให้ กกต.เพื่อประสานประธานรัฐสภาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.หรือไม่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ ส.ส.ไม่ทำตามหน้าที่ในรัฐสภา ห้องประชุมสภาฯ
“ผมขอเรียกร้องให้ ส.ส.ทั้งหมดลำดับความสำคัญของปัญหาประเทศ อย่าทะเลาะในเรื่องของการจัดตั้งกมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้า คสช.ที่ผ่านมา ตาม ม.44 ทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเกิดประโยชน์แก่คนบางกลุ่มเท่านั้น แต่วันนี้ผมขอเสนอว่าให้รัฐสภาตั้งคณะ กมธ.ทั้งสภาฯ ร่วมกันทุกพรรคการเมืองโดยมีวาระเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ประสบกันทั้งโลก วันนี้ ส.ส.จะต้องทำหน้าที่ร่วมกันในการแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนและเงินในกระเป๋าของประชาชน เพื่อช่วยกันเสนอแนวทางนโยบายต่อรัฐบาลให้นำไปแก้ไขต่อไป เนื่องจากขณะนี้ ส.ส.อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติถือว่าเป็นสถาบันหลักของประเทศโดยฝ่ายรัฐบาลทำหน้าที่บริหาร ประธานศาลฎีกาดูแลการทำหน้าที่ของตุลาการ แต่วันนี้ปัญหาแรกที่ค่อนข้างจะมีปัญหาคือฝ่ายนิติบัญญัติ” นายสนธิญากล่าว
นายสนธิญายังฝากถึงนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีว่าทุกคนต้องเคารพมติพรรค เพราะเราเป็นสถาบัน ถ้าอย่างนั้นพรรคจะอยู่ไม่ได้หากเราไม่เคารพองค์กร แต่วันนี้นายเทพไทซึ่งแหกมติพรรค โดยขอใช้อภิสิทธิ์แล้วไปลงมติอยู่ฝ่ายค้าน อย่างนี้นายเทพไททำตามคำที่พูดไว้หรือไม่ ตนไม่แน่ใจว่าการกระทำของนายเทพไทนั้นกระทำเพราะการเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้วไม่ได้เข้ามาเป็นประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาผลกระทบจากการกระทำของประกาศละคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ของสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ แล้วมีการตีโพยตีพายไปเรื่อยๆ และฝากถามว่ารัฐบาลนี้ทำงานได้แค่ 6-7 เดือนเอง หลังจากนี้ถ้ามีการแหกมติพรรคและไม่ทำตามมติพรรคขณะที่เสียงของรัฐบาลเองก็อยู่ค่อนข้างจะก้ำกึ่งอยู่ตลอดเวลาแบบนี้จะทำงานได้อยู่หรือไม่ แต่เสถียรภาพการผ่านมติต่างๆ ของสภาสามารถทำได้หรือไม่เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราไม่มีวินัยเรื่องของมติพรรค และสิ่งเหล่านี้นายเทพไทเป็นคนพูดเอง
“เช่นนั้นท่านได้หยิบเอาน้ำลายที่ท่านถ่มลงไปในพื้นกลับมากลืนกิน ผมจึงเรียกร้องว่าขอให้ท่านมีอุดมการณ์เหมือนที่ท่านพูดไม่เป็นไม้หลักปักขี้เลน แล้วมาทำตามที่ท่านพูดคือ ส.ส.ทุกคนต้องทำตามมติพรรค”