xs
xsm
sm
md
lg

เกมพลิก รัฐบาลยังฆ่าไม่ตายแต่ฝ่ายค้าน-เพื่อไทยป่วน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


แม้ว่าจะผ่านพ้นไปด้วยความทุลักทุเลต้องลุ้นกันพอสมควรสำหรับญัตติด่วนขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ซึ่ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากพรรคอนาคตใหม่เป็นผู้เสนอ ซึ่งที่ผ่านมาองค์ประชุมไม่ครบทำให้สภาล่มมาแล้ว 2 ครั้ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการกลับมาพิจารณาญัตติด่วนดังกล่าวอีกครั้ง และมีการจับตามองว่าสภาจะล่มอีกครั้งหรือไม่ แต่ในที่สุดก็มีเสียงครบ และฝ่ายรัฐบาลก็สามารถโหวตคว่ำญัตตินี้ไปได้ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก นั่นคือการโหวตไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการฯด้วยคะแนนเสียง 244 ต่อ 5 เสียง

แต่ที่น่าสนใจก็คือจำนวนองค์ประชุมหลังจากที่ฝ่ายค้านใช้วิธีวอร์กเอาท์ ก็คือยังมีตัวเลข ส.ส.ที่แสดงตนในห้องประชุมจำนวน 259 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุม และในจำนวน 259 คนที่ว่านั้นก็ปรากฏว่ามี ส.ส.จากฝ่ายค้านมาช่วยเติมเต็มฝ่ายรัฐบาลถึง 10 คน ประกอบด้วยหลากหลายพรรค เช่น จากพรรคเพื่อไทย 3 คน จากพรรคอนาคตใหม่ 2 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน และพรรคประชาชาติ 1 คน

อย่างไรก็ตามคงต้องข้ามเรื่องที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 4 คนที่ไปโหวตหนุนฝ่ายค้านโดยอ้าง “จิตวิญญาณประชาธิปไตย” ออกไปก่อน เพราะถือว่ายังนอกประเด็นในเวลานี้

แน่นอนว่าเป้าหมายที่ถูกจับตามองอีกรอบก็คือมีกรณี “งูเห่า”เกิดขึ้นหรือไม่ หลังจากได้เช็กเสียงโหวตเติมเต็มองค์ประชุมถึง 10 เสียงรวมเป็น 259 เสียงจนครบองค์ประชุมในญัตติสำคัญเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา

แม้ว่าท่าทีที่สวนทางกับความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านส่วนใหญ่ และแม้ว่าอาจไม่ใช่เป็นลักษณะของการโหวตสวนมติพรรค แต่ก็เรียกว่า “สวนทางกับเพื่อน” มันก็ยิ่งทำให้ถูกจับตามองและมีเสียงวิจารณ์ตามหลังจากพวกเดียวกันเอง

ก่อนหน้านั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิป ได้ระบุทำนองว่ามีการ “แจกกล้วย” ให้กับ ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยตัวเลขแปดหลัก เพื่อแลกกับการโหวตหนุนองค์ประชุมฝ่ายรัฐบาล

“ต้องให้ความเป็นธรรมและให้เขาชี้แจงก่อน ส่วน 10 เสียงของฝ่ายค้านในที่ประชุมฝ่ายค้านก็ต้องถามกันตามตรงว่าจะเปลี่ยนจุดยืนก็ตามถามกัน รวมถึงเสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ต้องคุยกัน ต่อไปจะทำงานร่วมกันหรือไม่ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยหากไปรับเงินมาเรามีมาตรการเรื่องนี้ ต้องให้พรรคและผู้ใหญ่ดำเนินการ” นายสุทิน คลังแสงระบุและยังกล่าวหา ส.ส.ของพรรคอีกบางคนที่โหวตหนุนองค์ประชุมว่าเป็นการตอบแทนที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือเรื่องคดี

ต่อมาหลังการโหวตก็มีข้องสังเกตเพิ่มเติมจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เช่น สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวว่า พอรู้ความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะมีจำนวนมากถึง 10 คนแบบนี้คิดว่าน่าจะพียงแค่ 6-7 คนเท่านั้น และรู้สึกแปลกใจกับบางคน

ขณะที่ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่เป็นหนึ่งในสามคนที่โหวตหนุนองค์ประชุมให้กับฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้เทใจให้กับฝ่ายรัฐบาล และตนเสียใจด้วยซ้ำที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนธันวาคมนี้

“ไม่ได้เจตนา เป็นการเสียบบัตรคาไว้เหมือนกับทุกครั้งที่เคยทำ ไม่เคยจงใจเป็นงูเห่า ถ้าผมจะทำผมก็จะประกาศไปเลย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อไปก็ต้องระวังมากขึ้น ไม่มีงูเห่า ไม่วอรีวิตกอะไรเลย” เขาระบุ

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวจากการโหวตคว่ำญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจาก มาตรา44 ในครั้งนี้จกที่ผ่านมาจากเดิมที่เคยเป็นแรงกดดันให้กับรัฐบาลหลังจากครั้งแรกโหวตแพ้ และต่อมาก็ทำให้สภาล่มมาถึงสองครั้ง แต่ล่าสุดเมื่อผลโหวตที่ออกมาสามารถคว่ำญัตติของฝ่ายค้านลงได้ มันก็ทำให้ “เกมพลิกกลับ” เพราะกลายเป็นว่ายัง ฆ่าฝ่ายรัฐบาลไม่ตาย

ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้เกิดความปั่นป่วนและความหวาดระแวงกันเองภายในพรรคฝ่ายค้าน ในกรณีถูกมองว่ามี “งูเห่า” เกิดขึ้น ซึ่งลักษณะจะคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่มีการโหวตสวนร่างพระราชบัญญัติโอนอัตรากำลังพลก่อนหน้านี้ที่มี ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนโหวตสวนมติพรรค

แต่คราวนี้ถือว่ามีจำนวนมากกว่า และหากเป็นจริงก็ถือว่าเจาะเข้าไปรายพรรค อย่างเช่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มากันเป็นทีมนำโดยหัวหน้าพรรคมาเลยทีเดียว ส่วนพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นเจ้าของญัตติ ก็มี ส.ส.ที่โหวตสวนซึ่งก็เป็น ส.ส.หน้าเดิมที่เคยสวนมาก่อน มันก็น่าจะยิ่งชัดเข้าไปอีก ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ต่างกันที่ต่อไปนี้จะต้องเกิดความหวาดระแวง เพราะเมื่อเห็นหน้าคนที่โหวตสวน เป็น นาย ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี มันก็ทำให้หลายคนแปลกใจไม่น้อย

ดังนั้นงานนี้เมื่อพิจารณาตามรูปการแล้วนอกจากเกมจะพลิกกลับมาสร้างความกดดันกันเองภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทยที่เวลานี้เริ่มเกิดความปั่นป่วนแตกแยกมากขึ้นทุกวัน สาเหตุหลักเป็นเพราะ “นายใหญ่” หยุดการลงทุนทำให้ “ท่อน้ำเลี้ยงอุดตัน” ขณะเดียวกันโอกาสที่อาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพิ่มพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคตเพื่อลดเสียงปริ่มน้ำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ !!




กำลังโหลดความคิดเห็น