xs
xsm
sm
md
lg

กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก... “นิพิฏฐ์” ไอแทนคำตอบ “ปารีณา” จบอย่างไร หลังอธิบายเรื่องที่ดิน-ป่าไม้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นิพิฏฐ์” อธิบาย กฎหมายที่ดิน-ป่าไม้ฉบับง่าย 3 ตอน เพื่อให้เข้าใจการถือครองที่ดินของรัฐ อย่างถูกต้องและผิดกฎหมายอย่างไร ก่อนลงท้ายกรณี “ปารีณา” ด้วยการไอ “กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก...”

น่าสนใจอย่างยิ่ง วันนี้(2 พ.ย.62) เฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ และอดีตผู้สมัครส.ส. เขต 2 พัทลุง โพสต์หัวข้อ *เรื่องที่ดิน&ป่าไม้(ตอนที่ 1)

ระบุว่า -เรื่องที่ดินเป็นปัญหาปวดใจคนจนมาตลอด ผมจะพยายามอธิบายง่ายๆ แต่ก็พยายามอ้างอิงกฎหมาย เพื่อให้ผู้สนใจสามารถไปค้นคว้าหาข้อมูลต่อไปได้ นักกฎหมายมือฉมัง อย่าดูแคลนผมก็แล้วกัน

-เรื่องป่าไม้ กม.ในประเทศไทย เริ่มแรกเลย ก็มีพ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ.2481 ต่อมา ถูกยกเลิกและเปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ที่เขาพูดกันเยอะๆ ก็ พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ 2507 นี่แหละครับ กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 กฎหมายฉบับนี้ ก็ระบุว่า ป่า คือ อะไร,ไม้คืออะไร,โทษการบุกรุกป่า,จะทำไม้ทำอย่างไร ค่าภาคหลวง การเคลื่อนย้ายไม้ อะไรทำนองนี้

กฎหมายอีกฉบับที่พูดถึงกันมากคือ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 กฎหมายฉบับนี้ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองให้ที่ดินหรือป่ามีสภาพเดิม ไม่ให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ จึงอาจประกาศทับที่ป่าสงวนแห่งชาติเลยก็ได้

กม.ทั้ง 3 ฉบับ มีการแก้ไขหลายครั้ง และใช้มาจนถึงปัจจุบัน เอาเป็นว่า ถ้าพูดถึงป่า ก็มีกฎหมาย 3 ฉบับนี้แหละครับที่เป็นหลัก คือ 1. พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 2.พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 3. พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504

ท่านที่สนใจ ก็หาดูได้ จากกฎหมาย 3 ฉบับนี้ แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ก็ไม่จำเป็นหรอกครับ ปวดหัวเปล่าๆ ผมปูพื้นเรื่องป่าแค่นี้นะครับ เดี๋ยวค่อยว่ากันเรื่องพ.ร.บ.ที่ดิน และ สปก.ต่อไป เมื่อครบ 5 ฉบับแล้วใครจะหาที่ดินมาครอบครองสัก 1,000 ไร่ก็ค่อยมาว่ากัน แต่ระวังคุกกันเอาเอง *ยากไปหรือเปล่า วิจารณ์มาได้ครับ
พยายามเขียนให้สั้น และ ง่ายที่สุดแล้วครับ😁

#นิพิฏฐ์ผู้แทนนอกสภา

(ตอน2) -ตอนนี้ เวลาพูดเรื่องที่ดิน ประชาชนต้องการคำตอบสั้นๆว่า คนที่ครอบครองที่ดินของรัฐเป็นร้อย เป็นพันไร่ จะผิดหรือไม่ผิดอย่างไร

ก็ตอบแบบไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองว่า ผิดแน่นอน ประเภทที่สงสัยว่า "อาจจะไม่ผิด" เลิกคิดได้เลย ใครที่ริจะทำให้ไม่ผิด ก็อาจติดคุกก่อนคนครอบครองที่ดินเสียอีก ผมก็เห็นเค้าหน้ารางๆอยู่เหมือนกัน และอยากเตือนนักการเมือง หรือ รัฐมนตรีที่ชอบพูดว่า "ไม่ผิด" ก็อย่าพูดมาก เพราะดูตามกฎหมายทุกฉบับแล้ว รัฐมนตรีไม่มีอำนาจชี้ว่าผิดหรือไม่ผิด แต่เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานตามกฎหมายแต่ละฉบับเท่านั้น

-ว่าของเราต่อไปดีกว่า ป่าไม้ หรือที่ดินของรัฐ เมื่อมีความเสื่อมโทรม และ ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัย จนหมดสภาพป่า แต่กลายเป็นตลาด เป็นชุมชนไปแล้ว ทางราชการก็อาจจะให้ราษฎรเข้าไปอยู่อาศัยและประกอบอาชีพในที่ดินเหล่านั้น การให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยและทำประโยชน์อาจทำได้หลายทาง เช่น ให้สิทธิทำกิน(สทก.) ให้ตั้งนิคม และออก นค.1 หรือ นค.3ให้ หรือ ให้สปก. แล้วแต่ประเภทของที่ดิน

-แต่ที่สำคัญ ทั้ง สทก.,สปก.,หรือ นค.1 หรือ นค.3 เป็นการครอบครองที่ดินของรัฐทั้งสิ้น เพียงแต่รัฐอนุญาตให้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ได้เท่านั้น

-ปัญหา คือ เราจะได้ที่ดิน สปก.หรือ สทก.หรือ นค.ครอบครัวละกี่ไร่ หรือ คนละกี่ไร่ นี่ต้องไปดูตามสภาพที่ดิน

แต่กฎหมายก็มีระบุจำนวนสูงสุดไว้ เช่น ที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมก็ไม่เกิน 20 ไร่ หรือหากจะทำประโยชน์ด้วยการปลูกไม้โตเร็วก็ไม่เกิน 35 ไร่ หรือ สปก.ก็ได้คนละ 25 ไร่ หรือ ครอบครัวละ 50 ไร่ แต่ถ้าเป็นการทำปศุสัตว์แปลงใหญ่ เช่น เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ กฎหมายก็อนุญาตให้ได้ไม่เกิน 100 ไร่

มิใช่ว่า ใครจะสามารถครอบครองที่ดินรัฐได้เป็นพันไร่ เรื่องที่ดิน ป่าไม้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสไว้หมดแล้วว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ผู้มีหน้าที่ต้องศึกษารายละเอียดนะครับ

-ที่ชาวบ้านสงสัยกันเยอะ คือ แล้วบางคนครอบครองที่สปก. หรือ ที่ป่า ได้อย่างไร เป็นพันๆไร่ เอาไว้ว่ากันตอนต่อไปครับ/ #นิพิฏฐ์ผู้แทนนอกสภา

(ตอนที่ 3) -ถึงตอนสำคัญแล้วล่ะครับ เมื่อที่ดินใด เช่น ที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม หรือ ที่สาธารณะ ประชาชนเข้าอยู่อาศัยจนไม่มีสภาพป่าแล้ว หรือ รัฐไม่ประสงค์จะสงวนไว้เป็นที่สาธารณะแล้ว รัฐก็จะประกาศให้เป็นพื้นที่สปก.

อันนี้ สำคัญนะครับ ต้องเน้นคือ เมื่อรัฐประกาศเป็นที่สปก.แล้วก็เท่ากับยกเลิกสภาพที่ดินเดิมไปโดยปริยาย เช่น เดิมเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อประกาศเป็นเขตสปก.แล้วก็เท่ากับยกเลิกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติไปโดยปริยายกลายเป็นพื้นที่สปก. ผมจะสรุปโดยตอบคำถาม เป็นข้อ ๆ ดังนี้

ถาม: คนที่มีที่ดินเป็นร้อยเป็นพันไร่ โดยไม่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน คือ ไม่มีโฉนด หรือ นส.3 แต่มี ภบท.5 หมายความว่าอย่างไร ตอบ: หมายความว่าบุกรุกที่ดินของรัฐ

ถาม: เขาบุกรุกที่ดินของรัฐประเภทไหน ตอบ: ก็ต้องดูว่าที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินอะไร ถ้าเป็นที่ป่า เขาก็บุกรุกที่ป่า ถ้าเป็นสปก.เขาก็บุกรุกที่สปก.ถ้าเป็นอุทยาน เขาก็บุกรุกอุทยาน

ถาม: เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาบุกรุกทั้งที่ป่า ,และ ที่สปก.ตอบ: เป็นไปได้ และ เป็นไปแล้วด้วย ส่วนเขาจะบุกรุกที่ป่ากี่ไร่ บุกรุกที่สปก.กี่ไร่ ให้เจ้าหน้าที่ตอบเอง

ภาพจากแฟ้ม
ถาม: ทำไมเขาครอบครองที่รัฐได้เป็นร้อย เป็นพันไร่
ตอบ: เขามีวิธีทำ 2 วิธี 1.เขาก็ซื้อที่มือเปล่าจากชาวบ้าน(โดยผิดกฎหมาย) หรือ 2.เขาใช้อำนาจบุกรุกที่ป่า โดยข้าราชการทำเป็นมองไม่เห็น ต้องเป็นคนพิเศษเท่านั้นที่จะทำให้ข้าราชการในพื้นที่ตาบอด หูหนวกได้

ถาม: เขาจะอ้างได้หรือไม่ว่า เขาได้การครอบครองมาจากคนอื่น เขาไม่ผิด ตอบ:ข้อนี้ สำคัญมากครับ ไม่ว่าคุณได้ที่ดินมาจากใคร หากคุณครอบครองอยู่เป็นคนสุดท้าย กฎหมายถือว่า คุณนั่นแหละคือคนบุกรุก ข้อนี้ จบนะ

ถาม:เป็นไปได้หรือไม่ ที่เขาครอบครองที่ดินมาก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวน หรือ เขตอุทยาน ตอบ: ปกติเมื่อรัฐประกาศพื้นที่ทับที่ราษฎร เขาจะมีเวลาให้ราษฎรคัดค้าน ปกติก็ภายใน 90 วัน ถ้าไม่คัดค้านก็ถือว่าสละสิทธิในที่ดินนั้น ถ้าเขาครอบครองมาก่อนประกาศเป็นเขตป่า แล้วทำไมไม่ไปคัดค้าน และขอออกโฉนดที่ดินเสียล่ะ?

ถาม:ถามอีกที คนที่ครอบครองที่ดินรัฐ หากจะมีสิทธิ จะมีสิทธิครอบครองได้เท่าไร(กี่ไร่) ตอบ: ไม่เกิน 100 ไร่ แต่ทั้งนี้ คุณต้องมีคุณสมบัติที่จะครอบครองได้ด้วย เช่น เป็นเกษตรกร

ถาม: เรื่องที่นักการเมืองหลายคนครอบครองที่ดินรัฐอยู่ จะสรุปยังไง ตอบ: หากนักการเมืองนั้นเป็นเกษตรกร ก็มีสิทธิตั้งแต่ 25-100 ไร่ที่เหลือยึดเป็นของรัฐและดำเนินคดี

ถาม: ในความเห็นคุณ (นิพิฏฐ์) เรื่องนี้ ลงเอยอย่างไรตอบ: กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก ขอไปกินยาแก้ไอก่อน กุ๊ก กุ๊ก.... #นิพิฏฐ์ผู้แทนนอกสภา

ก่อนหน้านี้(29 พ.ย.62) เฟซบุ๊ก Pat Hemasuk ของนายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ ก็โพสต์เอาไว้น่าสนใจ

โดยระบุว่า กองเชียร์รัฐบาลไม่ออกมาปกป้องปารีณาในเรื่องที่ดิน ว่าไปตามกฎหมาย ผิดว่าผิด ถูกว่าถูก ยึดก็ต้องยึด หรือแม้แต่จะคุกก็ต้องคุก

ผิดกับอีกฝั่งที่แม้แต่คำพิพากษาออกมาแล้ว ก็ไม่ยอมรับในคำตัดสิน ออกมาดิ้นกันเต็มไปหมด

แต่แปลกที่นักการเมืองอีกฝั่งทำไมไม่ออกมาขย่ำปารีณาทั้งที่เป็นเรื่องคดีใหญ่ขนาดนี้ กลับเงียบกันหมด แสดงว่าตัวเองก็มีที่ดินผิดกฎหมายด้วยใช่หรือไม่

ผมเริ่มคิดถึงคำพูดของ นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในรายการคมชัดลึกเมื่อคืนพูดว่า ถ้าออกกฎหมายให้คนครองที่ดิน สปก.เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้มารายงานตัวภายใน 90 วัน ถ้าไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดี ทางโครงการคงมีที่ดินเอาไปแจกจ่ายคนจนอีกหลายแสนไร่

นี่ก็อีกเรื่อง ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยค้างคาใจ โดยเฉพาะคนยากจนที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าเป็นจำนวนมาก อย่าว่าแต่ถือครองเลย แค่หาของป่าก็โดนแล้ว นี่ไงความเหลื่อมล่ำ

สำหรับ การดำเนินคดีเอาผิด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่มีฟาร์มไก่อยู่ในพื้นที่ สปก.และอาจบุกรุกป่านั้น

วันนี้หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถึง 2 ครั้ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ มอบหมายชุดพยัคฆ์ไพร และนายธวัชชัย ลูดกรูด ผู้ตรวจกรมป่าไม้ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบที่ดินเขาสนฟาร์ม อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ที่พบว่ารุกป่าจำนวน 46 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี 41 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา และพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 จำนวน 4 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา

นำเอกสารแจ้งความผิดต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรบการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดยจะแจ้งความผิด ใน 4 ข้อหา คือ 1.ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต

3.การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

และ 4.พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 มาตรา 97 การกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหายหรือเสียหาย

ขั้นตอนหลังดำเนินการแจ้งความต่อ บก.ปทส. แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ดูเหมือนเสียงไอ กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก... ของ “นิพิฏฐ์” ที่แว่วมาแต่ไกล มันดังฟังชัด ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น