กฤษฎีกาเบรกจ่ายเงิน 4 โครงการอบรม-ดูงานในต่างประเทศของ กทม. ห้ามจ่ายเงินให้ผู้บริหาร-สภา-ขรก.ในสังกัด พร้อมชี้ช่องหากโครงการใดมีลักษณะเป็นการไปปฏิบัติราชการในต่างประเทศ ตามหน้าที่-อำนาจย่อมสามารถใช้จ่ายเงินเพี่อการไปปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้นได้ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 119 วรรคสอง พ.ร.บ.บริหาร กทม.ฉบับใหม่แต่อย่างใด
วันนี้ (28 พ.ย.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงนามในเรื่องเสร็จที่ 1297/2562 ในบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การห้ามจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศตามมาตรา 19 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528
โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาข้อหารือของ กทม.เห็นว่า โดยที่มาตรา 250 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้กฎหมายว่าด้วยหน้าที่และอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ต้องกำหนดให้มีการกำกับดูแล อปท.เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2562 จึงได้มีการเพิ่มเติมบทบัญญัติว่าด้วยการห้ามจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศไว้ในกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนห้องถิ่น ได้แก่
(1. มาตรา 85 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 (2. มาตรา 69 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ.(ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 (3. มาตรา 74 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 (4. มาตรา 92 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 และ (5. มาตรา 119 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม. (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562
โดยบทบัญญัติข้างต้นมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การจ่ายเงินของ อปท. หรือการนำเงินของกิจการที่ อปท.เป็นเจ้าของหรือเป็น หุ้นส่วนหรือถือหุ้นในกิจการไปใช้จ่ายเพี่อการติกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาและเลขานุการของผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมทั้งตำแหน่งอื่บที่กำหนด จะกระทำมิได้
“อย่างไรก็ดี การที่บทบัญญัติว่าด้วยการห้ามจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล ได้กำหนดข้อยกเว้นการห้ามจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ โดยยกเว้นให้กับกรณีที่มีข้อตกลงหรือความร่วมมือกับหน่วยงาน ในต่างประเทศหรือการฝึกอบรม ซึ่งจัดโดยหน่วยงานของรัฐที่กำหนดให้มีการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงมหาดไทย ประกาศกำหนดการมีข้อยกเว้นเช่นนั้นย่อมมีผลให้ คำว่า “การฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ” หมายความรวมถึงกรณีที่มีข้อตกลงหรือความร่วมมือกับหน่วยงานในต่างประเทศหรือการฝึกอบรม ซึ่งจัดโดยหน่วยงานของรัฐไว้ด้วย
สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับ กทม.และเมืองพัทยานั้น เมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อยกเว้นดังกล่าวไว้ ดังนั้น การจ่ายเงินหรือน่าเงินไปใช้จ่ายในการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ กรณีที่มีข้อตกลง หรือความร่วมมือกับหน่วยงานในต่างประเทศ หรือการฝึกอบรม ซึ่งจัดโดยหน่วยงานของรัฐที่กำหนด ให้มีการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศจึงไม่อาจทำได้
ดังนั้น การพิจารณาว่า โครงการใดของ กทม.จะอยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 119 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครฯ หรือไม่นั้น กรุงเทพมหานครต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่มุ่งหมายจะไปดำเนินการในต่างประเทศ ของแต่ละโครงการเป็นรายกรณี
โดยหากปรากฏว่า โครงการนั้นมีข้อเท็จจริงหรือการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเกิดจากการปฏิบัติตามข้อตกลงหรือความร่วมมือกับหน่วยงานในต่างประเทศหรือเป็นการฝึกอบรม ซึ่งจัดโดยหน่วยงานของรัฐที่กำหนดให้มีการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศหรือไม่
“ย่อมไม่สามารถจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 119 วรรคสองได้ แต่หากโครงการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในต่างประเทศให้แก่กทม. ตามหน้าที่ และอำนาจแล้ว กทม.ย่อมสามารถใช้จ่ายเงินเพี่อการไปปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้นได้ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 119 วรรคสอง แด่อย่างใด”
เมื่อเร็วๆ นี้ กทม.สอบถามประเด็น การจ่ายเงินหรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการฝึกอบรมหรือดูงานในต่างประเทศ ใน 4 โครงการ ของ กทม.ว่าจะบังคับใช้กับโครงการที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจ ต่างประเทศดังต่อไปนี้ หรือไม่ ประกอบด้วย
(1) โครงการสภาบ้านพี่เมืองน้องและขยายความสัมพันธ์กับสภาเมืองต่างประเทศ รูปแบบจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสภา กทม. กับสภาท้องถิ่นของเมืองในต่างประเทศ เช่นการการส่งเสริมการศึกษา การให้คำปรึกษา หารือ การแนะนำแนวหางการแก้ไขปัญหา มีการเชิญข้าราชการการเมืองของสภาท้องถิ่นทั้งสองประเทศ
(2) โครงการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนระหว่างผู้บริหารเมืองพี่เมืองน้อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา กทม. เช่น โครงการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนระหว่างผู้บริหาร
(3) โครงการอบรม สัมมนา ดูงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนา กทม. (ศึกษา ดูงานด้านการศึกษาและวัฒนธรรม) โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทน กทม. และข้าราชการกทม.
(4) หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง) เป็นหสักสูตรอบรมที่จัดโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราริราช ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในกำกับ กทม. มีให้ผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน ไปศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้เงินที่ กทม.จัดสรรรายปีในลักษณะเงินอุดหนุนนจำนวนไม่ตํ่ากว่าร้อยละเจ็ดสิบ