xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าง!! ถนนยื่นลงในแม่น้ำเจ้าพระยามาแน่ ! "ลุงตู่-อัศวิน" แน่ใจแล้วหรือ **ศึกสองนางพญา "มาดามเดียร์ - ช่อ" ดูท่าจะยาว อาจมีการฟ้องร้องกันไปมาอีกหลายคดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ผ่าง!! ถนนยื่นลงในแม่น้ำเจ้าพระยามาแน่ ! "ลุงตู่-อัศวิน" แน่ใจแล้วหรือจะเอาจริง 8,326 ล้านบาท แลกกับ"อัตลักษณ์" "วิถีชีวิต" แม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไม่มีวันเหมือนเดิม คุ้มกันมั้ย?

เพจ Friends of the River โพสต์ถึง "ทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาแน่" อดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาล และกทม.จะเอาแบบนี้จริงๆ หรือ...

เนื้อหาบนเพจบอกว่า "หลังจากเงียบหายไปนานต่อความคืบหน้าโครงการทางเลียบเจ้าพระยา ล่าสุดสภากรุงเทพมหานคร มีมติอนุมัติโครงการแล้ว และจากการเปิดเผยของสำนักโยธา กรุงเทพมหานคร ขณะนี้แบบพร้อมประมูล รอเพียงให้ทางคณะรัฐมนตรี เซ็นอนุมัติ โดยแบ่งโครงการออกเป็น 4 ช่วงย่อย จากสะพานพระราม ๗ ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ความยาวข้างละ 7 กม.

ลักษณะโครงการ เป็นทางคอนกรีตกว้าง 10 เมตร สร้างลงบนตอม่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 ซม. ในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นทางเดิน และทางจักรยาน

ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายได้ทำการทักท้วงทั้งในเชิง นโยบายที่มีธงไว้ ขาดทางเลือกของการพัฒนาแม่น้ำที่รอบด้าน ขาดการมีส่วนร่วมที่กว้างขวาง ขาดการเปิดเผยข้อมูล อันจะนำมาซึ่งผลกระทบต่อแม่น้ำในมิติต่างๆ ทั้งระบบนิเวศ วิถีชีวิต อัตลักษณ์ การไหลของแม่น้ำ อันจะนำไปสู่การทำลายแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างที่ไม่อาจนำกลับคืนมาได้

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
หากโครงการนี้เดินหน้า มันจะตอกย้ำให้สังคมได้เห็นว่ารัฐขาด"ธรรมาภิบาล" เพียงใด ต่อการดำเนินการโครงการที่กำลังจะส่งผลต่อวิถีผู้คน และธรรมชาติเช่นนี้

หยุดเพื่อเดินต่ออย่างยั่งยืนไม่ดีกว่าหรือ ? " Friends of the River ทิ้งท้าย...

ว่ากันว่า โครงการนี้ ริเริ่มในช่วงรัฐบาลคสช. มอบหมายให้ กทม.ขับเคลื่อน มีมูลค่า 8,326 ล้านบาท... ตั้งแต่มีกระแสข่าวเสียงค้านก็จมหู แต่รัฐบาลและกทม. ก็ยืนกรานเดินหน้าพร้อมประมูล เข็นเข้า ครม.ให้อนุมัติ

ที่ผ่านมาภาคประชาชนได้ร่วมลงชื่อยับยั้งการสร้างทางเลียบแม่น้ำ เพราะเห็นว่าปัจจุบัน แม่น้ำเจ้าพระยามีปัญหาในหลากหลายด้านที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงฟื้นฟู เช่น ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ริมแม่น้ำ ความเสื่อมโทรมของชุมชน ความสะอาด คุณภาพของแม่น้ำ การขาดแคลนพื้นที่สาธารณะ ความทรุดโทรมของท่าเรือต่างๆ การพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีทางเลือกที่หลากหลาย เหตุใดจึงเร่งรัด และมุ่งสร้าง "ถนน" ที่มีความกว้าง 6-10 เมตรนี้ ให้"ยื่นลงในแม่น้ำ"ขนาบทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำ ยาวถึง 7 กม.รวมสองฝั่งเป็น 14 กม.

ข้างฝ่ายรัฐบาล-กทม. ที่ดันโครงการนี้ตั้งชื่อสวยหรูว่าเป็น "โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา" เป็นโครงการมุ่งเน้นด้านการพัฒนาเมือง มีเป้าหมายหลักคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์และเข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติได้อย่างเท่าเทียม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอีกด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ธรรมดาเวลาเขียนโครงการ ก็ให้ดูดีไว้ก่อน ! โดยรูปแบบโครงการบอกไว้ว่า จะประกอบด้วยการก่อสร้างทางเดินทางจักรยานริมแม่น้ำเจ้าพระยาความกว้าง ประมาณ 6-10 ม. ปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อน ท่าเรือ ศาลาท่าน้ำ พื้นที่บริการสาธารณะ และเส้นทางการเข้าถึงระบบไฟฟ้า ระบบระบายน้ำ และส่วนประกอบอื่นๆ

พอมีกระแสคัดค้านอย่างหนัก ก็เงียบหายไปดังว่า

ถ้าเป็นไปตามนี้ ให้น่าผิดหวัง ที่รัฐบาลและกทม. มิได้ฟังเสียงภาคประชาชนเลย

ทั้งๆ ที่เห็นความตั้งใจจริง ในการทำงานของรัฐบาล หรือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ก็หลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ หากเกิดขึ้นในยุคสมัย"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธื จันทร์โอชา และ ผู้ว่าฯอัศวิน มิเพียงเป็นปมที่จะถูกกระแสสังคมคัดค้านจากนี้หนักหน่วงแน่

แต่จะเป็น"ตราปาบ" ที่ว่ากันไปถึงลูกถึงหลาน ผลงานของรัฐบาลกับกทม. ที่กระทำย่ำยีต่อแม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นสมบัติชาติที่อัปยศอดสูที่สุด

คุ้มกันหรือไม่กับโครงการนี้ แลกกับการสูญเสียอันใหญ่หลวง กระทั่งอัตลักษณ์ วิถีชีวิต และเจ้าพระยาที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ลุงตู่ - ผู้ว่าฯอัศวิน จะยอมให้เป็นเช่นนั่นจริงๆ หรือ ?

** "ศึกสองนางพญา"ดูท่าจะยาว "มาดามเดียร์" สอน "ช่อ" กม.ขายหุ้น ถ้าไม่รู้ให้ถาม ... ขณะที่ "ช่อ" ก็สวนกลับทันควัน บริษัทมหาชน อย่าง "เนชั่น" ต้องส่งบัญชีผู้ถือหุ้น ต่อนายทะเบียน ที่กระทรวงพาณิชย์

วทันยา วงษ์โอภาสี
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีวิวาทะคู่ใหม่ ระหว่าง "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กับ "มาดามเดียร์" วทันยา วงษ์โอภาสี ถึงขั้นฟ้องร้อง ซึ่งมูลเหตุก็มาจากเรื่อง "ถือหุ้นสื่อ" เป็นหลักใหญ่

เพราะในช่วงก่อนจะถึง "วันพิพากษา" ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค มีเดีย" ทาง"ช่อ" พรรณิการ์ ก็ออกมาแถลงข่าว ว่ามีนักการเมืองใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ในการขยายผล "เฟกนิวส์" โดยพาดพิงไปถึง "มาดามเดียร์" ที่แม้จะลาออกจากผู้บริหารสื่อค่ายใหญ่ แต่ก็ยังให้ สามี เป็นผู้บริหารแทน

ซึ่งเรื่องนี้ ทาง"มาดามเดียร์" วทันยา ก็ส่งทนายความไปฟ้อง "ช่อ" พรรณิการ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทไปแล้ว ซึ่งศาลได้รับฟ้อง และนัดไต่สวนครั้งแรก ในวันที่ 24 ก.พ.63 โดยทาง "มาดามเดียร์" ยังสำทับคำท้าทายมาด้วยว่า ถ้าแน่จริงก็อย่าใช้ "เอกสิทธิ์ส.ส." มาคุ้มครอง เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล...

เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้สิ้นสภาพ ส.ส.จากกรณีถือหุ้น วี-ลัค มีเดีย ทาง"ช่อ" พรรณิการ์ ก็ไปยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของ "มาดามเดียร์" วทันยา วงษ์โอภาสี ว่าขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. หรือไม่โดยระบุว่า พบการถือครองหุ้นในกิจการของสื่อมวลชน คือ เครือเนชั่น หลังจากที่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคพลังประชารัฐ

โดยระบุว่า กรณีของ"มาดามเดียร์" ที่ตรวจสอบพบว่า ได้ถือครองหุ้นในบริษัทเนชั่น และ ทางบริษัทเนชั่น แจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในกิจการ ไม่พบชื่อของ"มาดามเดียร์" คือ เดือนก.ย.62 หลังการสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นาน 6 เดือน ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ "มาดามเดียร์" ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ภายหลังจากที่มีการประกาศรับรอง ส.ส.รอบแรก หลังการเลือกตั้ง เพราะคุณสมบัติว่าด้วยการถือครองหุ้นสื่อนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันยื่นสมัครรับเลือกตั้งแล้ว

หลังจากยื่นเรื่องให้กกต.แล้ว ยังได้ร้องขอให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พิจารณาประเด็นควาผิด ตามพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2561 มาตรา 151 พร้อมขอให้ศาลพิจารณาสั่งให้ "มาดามเดียร์" หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่ศาลฯรับเรื่องไว้ตรวจสอบ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกับกรณีของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ด้วย

พรรณิการ์ วานิช
ต่อมา "มาดามเดียร์" ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ "ช่อ" ...ไม่มีความรู้เรื่องการซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังอยากจะฟ้อง ว่า " ดิฉันขอยืนยันอีกครั้งว่า ได้ขายหุ้นบริษัทสื่อมวลชนทั้งหมดก่อนวันยื่นใบสมัครต่อ กกต. และมีเอกสารที่ยืนยันได้ตามกฎหมายครบถ้วน ส่วนที่ ส.ส.บางท่าน ไม่เข้าใจว่าการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องไปรายงานใดๆกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มี "ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์" หรือ "TSD"เป็นนายทะเบียน ดิฉัน และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยินดีให้อภัยคนที่ไม่รู้

#ไม่รู้ให้ถาม #ผิดเป็นครู"

เมื่อเจอคำเยาะเย้ยถากถางเช่นนี้ มีหรือ "ช่อ" จะยอมแพ้ ถามกลับทันควัน... ใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจเรื่องโอนหุ้น...พร้อมอธิบายว่า TSD เป็นเพียงนายทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ ที่คอยดูแลข้อมูลตลาด และจัดทำทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ ทำให้การซื้อขายหุ้น เป็นไปอย่างถูกต้อง ฉะนั้น การอ้างเรื่อง TSD ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ตามปกติแล้วหากเป็นบริษัทเอกชน ต้องส่งบัญชีผู้ถือหุ้น ต่อนายทะเบียน หลังการประชุมสามัญประจำปีภายใน 14 วัน

แต่กรณีของบริษัทมหาชน อย่าง "เนชั่น" ต้องส่งบัญชีผู้ถือหุ้น ต่อนายทะเบียน หลังการประชุมสามัญประจำปี ใน 1 เดือน ซึ่งนายทะเบียน คือ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ทั้ง บอจ.5 หรือ บมจ.6 คือ เอกสารที่ต้องส่งให้กระทรวงพาณิชย์

"TSDไม่เกี่ยวอะไร เป็นคนละเรื่องกันเลย ฉะนั้นถ้าเอาให้ชัดก็คือ ที่ศาลรธน. วินิจฉัยกรณี ธนาธร ซึ่งก็โอนหุ้นไปแล้วชัดเจน ซึ่งศาลก็ไม่ได้บอกว่า การโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 เป็นเท็จ แต่ศาลกลับถือเอา บอจ.5 เป็นหลัก ฉะนั้น หากจะใช้บรรทัดฐานเดียวกับ "คุณเดียร์" ก็ต้องไปดูหลักฐาน บมจ.6 ที่ยื่นต่อนายทะเบียน เมื่อเดือนก.ย.62 ส่วนนี้ ก็มีการแจ้งล่าช้าจนดูผิดปกติ หากนับดูจากวันลงสมัครรับเลือกตั้ง"

ดูท่า "ศึกสองนางพญา" ยังคงมีอีกหลายยก และอาจมีการฟ้องร้องกันไปมาอีกหลายคดี กว่าจะถึงวันที่ 24 ก.พ.63 ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดครั้งแรก ของคู่ความคู่นี้





กำลังโหลดความคิดเห็น