หัวหน้าอนาคตใหม่ มามุกใหม่! แถลงปิดคดีถือหุ้นวี-ลัคผ่านสื่อ ยันบริษัทยุติกิจการ ไม่มีรายได้ตั้งแต่ก่อนประกาศเลือกตั้ง แถมไม่เคยผลิตให้คุณหรือโทษทางการเมือง ย้ำโอนให้แม่ครบ 6 ม.ค.ตามกฏหมาย สงสัย กกต.เร่งรัดส่งศาล รธน.ฟันหรือไม่ เชื่อผิดที่ต้านสืบทอดอำนาจ ยันคดีไม่เกี่ยวกับพรรค ไม่กล้าคะเนคำวินิจฉัยอ้างปากกาอำนาจไม่ได้อยู่ที่เรา เผยส่งเอกสารที่แถลงให้ศาลฯ แล้ว แต่ไม่รู้ฝ่ายกฏหมายส่งงบการเงินไปให้ด้วยหรือยัง ขอบคุณไทม์ยกติด 1 ใน100 ดาวรุ่งแห่งปี
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงข่าวถึงคดีหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดยเป็นการนำข้อมูลการแถลงปิดคดีของนายธนาธร มาเปิดเผยต่อสาธารณะชน พร้อมนำนิตยสารของ บ.วี-ลัค และนิตยสารที่ บ.วี-ลัค ผลิตให้เป็นฉบับสุดท้าย รวม 3 เล่มมาแสดงด้วย ซึ่งนายธนาธร ได้เล่าถึงประเด็นของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 จ.สกลนคร ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาเพิกถอนการรับสมัครเลือกตั้ง อันเนื่องมาจากการถือหุ้นสื่อมวลชน รวมถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องถือหุ้นสื่อของ ส.ส.ฟากรัฐบาลจำนวน 32 คน ที่ระบุไม่ได้ใช้วิธีการพิจารณาเดียวกับศาลฎีกาฯ แต่ดูในส่วนของงบทางการเงินด้วย
ต่อมานายธนาธร ได้ยืนยันว่า บ.วี-ลัค ยุติกิจการและไม่มีรายได้มาตั้งแต่ 26 พ.ย.2561 มีเพียงรายได้จากทรัพย์สินที่ปิดกิจการ จึงไม่ใช่สื่อไปแล้ว ขณะที่บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ก็เป็นเพียงหนังสือที่บริษัทแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ในรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด ซึ่งในวันที่ 6 ม.ค.2562 ตนได้โอนหุ้นให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีตราสารโอน มีสัญญา มีการจ่ายเงินต่อหน้าพยานครบถ้วนตามกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1141 และ ม.1129 ขณะที่นิตยสาร 3 เล่มที่ บ.วี-ลัค ผลิตก็ไม่เคยให้คุณต่อตนหรือให้โทษต่อคู่แข่งทางการเมือง และการปิดตัวลงก็ทำก่อนที่จะมี พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการเลือกตั้งทั่วไป 2562
นอกจากนี้นายธนาธร ยังตั้งข้อสังเกตถึงการยื่นฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญของกรรมการการเลือกตั้งได้กระทำการในขณะที่การสอบสวนของคณะกรรมการไต่สวนฯ ยังดำเนินการอยู่ จึงมีคำถามว่านี่คือการเร่งรัดหรือไม่ เป็นการส่งคำร้องไปโดยที่ข้อเท็จจริงยังไม่มีการสอบสวนให้สิ้นกระบวนความหรือไม่ จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่ากรณีนี้ทำให้เกิดการกลั่นแกล้งทางการเมืองกับตนเป็นคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมืองและฟ้องโดยไม่สุจริตหรือไม่ ดังนั้นไม่มีการให้ความเป็นธรรมกับตนอย่างอื่นนอกจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
"ถ้าทุกท่านถามผมว่าผมผิดอะไร คำตอบของผมก็คือมันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ มันไม่ใช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดของผมคือการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช." นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามถึงอนาคตทางการเมืองหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในทางลบ นายธนาธร กล่าวว่า การเดินทางของพรรคยังเกิดขึ้นต่อไป เดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ต่อเนื่องเพื่อให้ความฝันเป็นจริง ส่วนคดีของตนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการยุบพรรค เป็นเรื่องของคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของตน คนที่พูดโยงไม่ได้เข้าใจข้อเท็จจริงของคดี
เมื่อถามถึงการคาดคะเนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่กล้าที่จะพูดจริงๆ เนื่องจากปากกา อำนาจไม่ได้อยู่ที่เรา ตนรู้เท่ากับทุกท่าน
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในทางลบจะมีการผลกระทบไปถึงการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรคด้วยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มี เพราะเป็นการเซ็นในฐานะหัวหน้าพรรค
"ผมไม่อยากให้มองเหตุการณ์ต่างๆ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่จะส่งผลให้พรรคเดินทางต่อไปไม่ได้ พรรคคือการเดินทาง คือผู้คน คือความฝัน ซึ่งการเดินทางจะเดินหน้าต่อไป" นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวต่อว่า เราตั้งพรรคขึ้นมา เราแพ้หรือชนะ เราทำงานในสภา เราอยู่ในกรรมาธิการก็เล่นตามกติกา อยู่ในกรอบของกฏหมาย ตั้งแต่ตั้งพรรคมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือกฏหมายเลย ทั้งนี้คำแถลงดังกล่าวตนได้ให้เป็นเอกสารต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่ตนไม่แน่ใจว่าฝ่ายกฏหมายได้ส่งงบทางการเงินของ บ.วี-ลัค ไปให้ศาลฯ หรือเปล่า แต่เรื่องนี้ชัดเจนว่ามันไม่มีรายได้ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่นิตยสารไทม์ ของสหรัฐอเมริกา ยกให้เป็น 1 ใน 100 ดาวรุ่งแห่งปี นายธนาธร กล่าวว่า ก็ขอขอบคุณที่ให้เกียรติตน ตนก็จะทำงานต่อไปเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศเท่าเทียมกับโลก คนไทยทุกคนเท่าเทียมกัน เราจะทำประเทศไทยให้กลับมาเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย สัญลักษณ์ของความหวังอีกครั้งในอาเซียน
"ผมก็ยังเชื่อว่าคนสนับสนุนพวกเรายังมีอยู่มาก แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เชื่อในความจริงใจของเรา มีวิธีเดียว ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราทำอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า ว่าเมื่อเรามีอำนาจเราใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อลาภยศชื่อเสียงของตัวเอง หรือใช้อำนาจเพื่อประชาชน 1 ปีครึ่งอาจจะยังเร็วไปสำหรับคนหลายคน แต่ผมเชื่อว่าให้เวลาคล้อยเคลื่อนไปคนทุกคนจะเห็นความจริงใจในการต้องการปลักดันประเทศไปข้างหน้าของเรา" นายธนาธร กล่าว