ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เบบี๋กับทาสของทาส แห่แชร์ภาพ “มาร์ค”และลูกแมวเหมียว มุ้งมิ้ง กรุ๊งกริ๊ง ลดประเด็นร้อนศึก งัดข้อ ประชาธิปัตย์VS พลังประชารัฐ ในการตั้งประธาน กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กระแสการเมืองดูจะคุกรุ่นร้อนขึ้นมานิดๆ จากศึกงัดข้อกันอยู่ระหว่าง ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ซึ่งก็อยู่ซีกรัฐบาลด้วยกัน ...กับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายประชาธิปัตย์ มีมติพรรคเสนอ “พี่มาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ฝ่ายพลังประชารัฐ แว่วว่า ก็ต้องการจับจองให้ “พ่อมดดำ”สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง นั่งเก้าอี้ตัวนี้เหมือนกัน
เรื่องราวมาถึงวันนี้ ก่อนที่วิปรัฐบาลจะคุยหาข้อสรุปกัน เพราะยังมีเวลา ฝ่ายสนับสนุน คนประชาธิปัตย์ อย่าง "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" ส.ส.ตรัง ต้องออกสื่อ ดักคอพลังประชารัฐไว้ก่อน บอกเลยว่า ตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นของพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก หรือมีเสียงเยอะที่สุด เพราะเป็นการทำงานของสภาฯ เหมือนกรณีเลือกประธานสภาผู้
แทนฯ ที่ได้ “ชวน หลีกภัย”นั่นปะไร ยังได้รับการยอมรับทั้งจากคนในสภาฯ และคนภายนอก เรื่องนี้คงต้องทำความเข้าใจกับพรรคพลังประชารัฐกันต่อไป
เหตุผลที่ทำไม “พี่มาร์ค”เหมาะสมกับการนั่งประธานกรรมาธิการชุดนี้ เพราะประชาธิปัตย์เห็นว่า ประธานฯ จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ต้องเป็นผู้มีความรอบรู้ เคยผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมามาก จะมองเห็นจุดอ่อนช่องว่างต่างๆ ที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่เปิดใจกว้าง รับฟังความเห็นต่าง ซึ่ง "อภิสิทธิ์" มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะทำหน้าที่นี้...
เรื่องนี้ก็ต้องว่ากันไป คงรอดูกันอีกสักพักว่า สุดท้ายแล้ว เรื่องตำแหน่งท่านประธานกรรมาธิการฯ ร้อนๆ นี้ เก้าอี้จะร่อนลงไปที่ประชาธิปัตย์ ,หรือพลังประชารัฐ... หรือจะกลายเป็นชนวนที่จะทำให้สองพรรคร่วมรัฐบาล เกิดความระแวงแคลงใจกัน ?
ก่อนที่จะรู้คำตอบ และ“พี่มาร์ค”คนที่ถูกลงมติจากพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้แสดงความเห็นอะไร... แต่เมื่อวานนี้ ก็มีปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลฯ แห่แชร์ภาพที่มาจากเพจ Cat Garden by Tiggu โพสต์ภาพ"อภิสิทธิ์" ในเสื้อยืดสีฟ้า ดูสบายๆ กับลูกแมวน่ารักๆ ด้วยอากัปกิริยาแสดงออกที่แววตา ดูหน้าตาสดใส มีความสุข โดนใจแฟนคลับและคนรักแมวไปเต็มๆ พร้อมด้วยข้อความสั้นๆ “เบบี๋กับทาสของทาส”...Kittems Owner's dad
เป็นที่รู้กันว่า "อภิสิทธิ์" เป็นคนรักแมว หรือ "ทาสแมว" ตัวจริงเสียงจริง พอมีภาพแบบนี้ออกมา จึงมีความเห็นหลากหลายจากชาวเน็ตเข้ามาชื่นชม และแซวกันใหญ่ บ้างก็ว่า“มุ้งมิ้งมากกกก” หน้าบาน สายตาที่มองแมวก็ มุ้งมิ้งสุดๆ ... ทาสของทาสกำลังรู้สึกหลงใหลกับเจ้าตัวเล็กทั้งหลาย .. งื้อออ ท่านทาสของทาสจะน่ารักไปไหน...
นี่ทาสของทาส ดูสดใส มีความสุขมาก ทำไมน่ารักขนาดนี้ ชิล ชิล วัยรุ่นมาก เห็นแล้วหลงรักทาสของทาส รักและศรัทธาท่านอภิสิทธิ์เสมอ... ออกจากเส้นทางการเมืองไป อยากให้ท่านห่างจากงานทางการเมืองช่วงนี้ ด้วยความเป็นห่วงนะ...
ชีวิตมีสุข หน้าตาผ่องใสแบบนี้ดีจังเลย สนับสนุนเต็มที่ พรรคทาสแมว ...สายนี้รุ่งแน่นอน อย่ากลับไปสายเดิมเลย 555
น่าสนใจว่า "ทางสองแพร่ง" ระหว่างประธานกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญ หรือ จะเปิดพรรคเพื่อแมว มุ้งมิ้ง "พี่มาร์ค"จะเลือกทางไหน
** "ส.ส.เต้" เข้าชี้แจงเรื่องพระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ 50 ล้านต่อป.ป.ช. บอก "สุภา" ที่เป็นประธานกรรมการสอบ แค่ได้จับยังรับรู้ได้ถึงพลังพุทธคุณ แถมบอกมีคนมาให้ราคาแล้ว 40 ล้านแต่ไม่ปล่อย ...ถ้าเป็น 60-70 ล้านละก็ไม่แน่
เรื่องของ "ส.ส.เต้" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังคงฮอตฮิตติดลมบนในโลกโซเชียลฯ จน"ข่าวปนคนฯ" ต้องหยิบมาเล่าต่ออีกสักวัน ...ก็เรื่อง "พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ" ราคา 50 ล้านของทั่นส.ส.นั่นแหละ ...
ก็เพราะ"ท่านใหม่" ม.จ.จุลเจิม ยุคล เพิ่งออกมา "สวด" ว่า...พระกริ่งปวเรศ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้น ที่วงการพระเครื่องเล่นหากันอยู่นั้น "ไม่มีเนื้อทองคำ"... มีอยู่เนื้อเดียวคือ "เนื้อนวโลหะผิวกลับดำ" ส่วนพระกริ่งเนื้อทองคำของท่าน ส.ส. น่าจะเป็นของ พระเกจิอาจารย์ หรือนักสร้างพระ ท่านใดท่านหนึ่งสร้างเลียนแบบขึ้นมา ราคาก็น่าจะอยู่แค่ หลักหมื่น หรืออย่างเก่งก็หลักแสน ตามน้ำหนักทองคำ ไม่มีทางที่จะมีราคาถึง 50 ล้านไปได้
เจอผู้รู้สวดเข้าอย่างนี้ "ส.ส.เต้" ก็ยอมรับเสียงอ่อยว่า ไม่มีความรู้เรื่องพระ ที่ตีราคา 50 ล้าน ก็เปิดหาราคากลางจากอินเตอร์เน็ต ... แต่ถ้า ป.ป.ช.ต้องการให้ลดราคาพระที่ชี้แจงไป ก็พร้อมปรับลดลงมาตามที่ป.ป.ช.ต้องการ...
และแล้วเมื่อวานนี้ก็ถึงกำหนดนัด ที่คณะกรรมการป.ป.ช. เรียกให้ไปชี้แจงเรื่องแจ้งราคาทรัพย์สินในส่วนที่เป็นพระเครื่อง "สูงเกินจริง"... ทาง "ส.ส.เต้" ก็หอบหิ้วเอาพระเครื่องที่แจ้งไว้ไปชี้แจง อาทิ "พระกริ่งปวเรศเนื้องทองคำ" 50 ล้าน "สมเด็จไกเซอร์" 30 ล้าน "พระร่วงหลังรางปืน" 12 ล้าน "สมเด็จวัดระฆัง" 40 ล้าน และยังมี พระพุทธชินราชใบเสมา พระรอด พระลือ พระคง พระยอดธง พระพิฆเนศ... รวมๆ แล้วก็ 147 ล้านเศษตามที่ได้แจ้งไว้
คนที่ป.ป.ช. ตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการสอบชุดนี้ ก็คือ "สุภา ปิยะจิตติ" กรรมการป.ป.ช. ที่ขึ้นชื่อเรื่องความละเอียด รอบคอบ และเด็ดขาด ซึ่ง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" รู้ดี เพราะโดนสอบเรื่องโกงข้าว จนต้องเผ่นไปอยู่กับพี่ชายจนทุกวันนี้
"สุภา" พร้อมทีมงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความรู้เรื่องพระเครื่องประมาณ 10 คน ใช้เวลาตรวจสอบ ซักไซ้ ไล่เลียงอยู่กว่า 4 ชั่วโมง...เมื่อ "ส.ส.เต้" ออกมาก็ถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ถูกปรับลดไปเท่าไร... คำตอบคือ... "บอกไม่ได้ เป็นความลับของทางราชการ" ได้แต่บอกว่า "สุภา" ประธานคณะกรรมการสอบ ได้ขอดู พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้าน แค่ได้จับถึงกับออกปากว่า "รู้สึกมีพลังพุทธคุณ และมีบารมีขึ้นมาทันที"... นี่ขนาดคนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องพระเครื่องมากมายนักอย่าง "สุภา" แค่จับยังรับรู้ได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ แล้วอย่างนี้จะมาหาว่าพระ "ไม่แท้" ได้อย่างไร... บอกแล้วว่า "เรื่องพุทธคุณ" นั้นอยู่ที่ใจ จะมาบอกว่าพระกริ่งเนื้อทองคำ หนัก 3 บาท ราคาทองบาทละ 2 หมื่น แล้วจะให้ตีราคาแค่ 6 หมื่นได้ไง... ไม่ได้
จากนั้นก็สาธยายต่อ... พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ มีอยู่จริง ไม่ใช่ไม่มีตามที่พวกเซียนวิจารณ์กัน จนทำให้เกิดความขัดแย้งกันเองในวงการพระเครื่องว่า ก๊วนใครมี หรือไม่มี ... ล่าสุดมีคนมาให้ราคาผมแล้ว 40 ล้าน แต่ผมไม่ปล่อย ...แต่ถ้าเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง แล้วมาให้ราคาซัก 60-70 ล้าน...อันนั้นก็ไม่แน่
กลายเป็นว่า จากเมื่อวันก่อนเพิ่งยอมรับว่า ไม่มีพระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำอยู่ในสารบบ มีแต่เนื้อนวโลหะกลับดำ พอมาวันนี้กลับบอกว่าเนื้อทองคำก็มี แถมยังขึ้นราคาจาก 50 ล้าน ไป 60-70 ล้านซะอีก ...แหม!! ช่างได้ใจแมงโม้ จริงๆ
ก็คงต้องรอดูกันไป เพราะอีกไม่นาน ทางป.ป.ช. คงมีผลสอบออกมาว่าจะเป็นอย่างไร... บัญชีที่แจ้งไว้จะถูกปรับลด หรือปรับเพิ่ม หรือจะมีรายการพิเศษอะไรแถมมาด้วยคงได้รู้กันในอีกไม่ช้า .
