เฟซบุ๊ก Preechaphol Pongpanit โพสต์อ้อนครบรอบ 1 ปี นั่งหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ระบุไม่ได้หายไปไหน กำลังทบทวนตัวเอง ซุ่มเรียนปริญญาเอก รักษาสุขภาพ เลี้ยงลูกสาวฝาแฝด ยังปรารถนาดีต่อประเทศและเศรษฐกิจไทย
เจ้าของเฟซบุ๊ก Preechaphol Pongpanit (ปรีชาพล พงษ์พานิช) โพสต์ข้อความวันนี้ (7 พ.ย.) ว่า “7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตทางการเมืองของผม คือการได้มีโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เร็วนะครับ ครบ 1 ปีแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ได้หายไปไหน ผมได้หันมาทบทวนตัวเองในทุกๆ เรื่อง มีเวลาได้ดูแลสุขภาพ ดูแลลูกสาวฝาแฝดอายุ 6 ขวบมากขึ้น ได้ทุ่มเทให้การเรียนปริญญาเอกเต็มที่ หลังจากค้างคามาหลายปีเพราะติดภารกิจงานการเมือง ซึ่งตอนนี้จบแล้วครับ
แม้วันนี้บทบาทของผมจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงมีความปรารถนาดี อยากเห็นประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดี คนไทยลืมตาอ้าปากได้ สามารถพัฒนาเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ผมเชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพ เพราะเราเคยเป็น 1 ใน 5 เสือของเอเชีย เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดและงดงามไม่แพ้ชาติใดในโลก มีศักยภาพเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกได้เพราะมีสินค้าทางการเกษตรที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและฝีมือด้านหัตถกรรม (Handcraft) ที่มีความประณีต ลอกเลียนแบบได้ยาก แต่ในวันนี้ศักยภาพเหล่านี้กลับถูกละเลย ถูกมองข้ามไป และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งที่เราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศจากสิ่งเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างโอกาสในการทำมาหากินให้กับคนตัวเล็กๆ ที่มักถูกหลงลืมเหมือนไม่มีตัวตนในสังคม นับวันปัญหาความเหลื่อมล้ำก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากจน ไม่มีใครอยากแบมือขอรับความช่วยเหลือจากคนอื่นหากมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือตนเองได้ ความจนไม่ได้เป็นเรื่องของโชคชะตา แต่เป็นเรื่องของการขาดโอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญคือความเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงการปรับตัวให้สามารถอยู่รอดได้ในยุคเศรษฐกิจสมัยใหม่ แม้ในห้วงที่ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต เรายิ่งต้องเปลี่ยน “วิกฤต” ให้เป็น “โอกาส” โดยเร็วที่สุดครับ
ผมเชื่อว่า “โอกาส” ในชีวิตของคนเรามีได้หลายครั้ง โอกาสมีอยู่ทุกที่ในประเทศไทยและมีอยู่ในทุกจังหวะของการพัฒนา และเป็นหนทางที่นำไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเสมอ
#โอกาสคืออนาคต”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคไทยรักษาชาติ ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นสาขาหนึ่งของพรรคเพื่อไทย และคนที่เป็นแกนนำพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม 2562 ส่วนใหญ่ก็เป็นแกนนำคนเสื้อแดง ที่สำคัญมีความคาดหวังว่าจะได้ฐานเสียงคนเสื้อแดงในการลงคะแนนแบบบัญชีรายชื่ออย่างล้นหลาม เพราะมีทีเด็ดในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่นคือการยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ร.ท.ปรีชาพล เป็นอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย และอดีตประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม จบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และระดับปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน
รับราชการทหารติดยศร้อยตรี ประจำสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และย้ายมาช่วยราชการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งบิดาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมา พ.ศ. 2550 ลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 สังกัดพรรคพลังประชาชน โดยการสนับสนุนของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช บิดา-มารดา จนได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ที่มีอายุเพียง 27 ปี นับว่าเป็น ส.ส.ชายที่มีอายุน้อยที่สุด
ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ร.ท.ปรีชาพลเป็นสมาชิกคนหนึ่งที่อภิปรายการจัดสรรงบประมาณที่ผิดปกติของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครน และ ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่าไม่นานนี้คงได้เห็นแก๊งออฟกลาโหมขึ้นศาลแน่นอน
พ.ศ. 2553 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ ส.ส.6 คน พ้นสมาชิกภาพ กรณีถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อ และบริษัทที่เป็นคู่สัมปทานของรัฐ นายปรีชาพลเป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิ แต่ก็สามารถกลับเข้ามาเป็น ส.ส.ได้อีกครั้งในการเลือกตั้งซ่อมฯ
ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ขอนแก่น และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม ของสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. 2561 เขาได้เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่ในการเลือกตั้งทั่วไป 2562 ทั้งยัง มีการยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นผู้ที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคด้วย
ต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม 2562 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติพร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ เป็นเวลา 10 ปี
โดยสรุปสาระสำคัญของคำวินิจฉัย คือ กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ย่อมทราบดีว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้ทรงกราบถวายบังคมลา แต่ยังคงดำรงเป็นสมาชิกพระบรมราชจักรีวงศ์
การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติเป็นการนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเป็นฝักฝ่ายในทางการเมือง เป็นการกระทำที่คนไทยทั่วไปรู้สึกได้ว่า สามารถทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ต้องถูกนำมาใช้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองอย่างแยบยล เป็นการมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงหลักการสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียสถานะที่ต้องอยู่เหนือการเมือง และดำรงความเป็นกลางในทางการเมือง เข้าลักษณะของการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างชัดแจ้ง
สมควรอย่างยิ่งที่ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช จะใช้โอกาสนี้ทบทวนตัวเองทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และหลังพ้นโทษเว้นวรรคการเมือง (10 ปี) ก็คงยังไม่สาย #โอกาสคืออนาคต อย่างที่ว่านั่นแหละ