สมาชิก พปชร.ยื่นหนังสือผู้ตรวจฯ สอบ กมธ.เชิญบุคคลชี้แจงทำได้หรือไม่ เหน็บ “เสรีพิศุทธ์” ทำหน้าที่ ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ควรสอบปมจัดซื้อมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ของตำรวจ กว่า 1,200 ล้านบาท ยุคตัวเอง ผบ.ตร. ชี้ทุจริตหนัก
วันนี้ (6 พ.ย.) นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน กมธ. มีอำนาจในการเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาชี้แจงในประเด็นการกล่าวคำถวายสัตย์ และการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2563 กระทำได้หรือไม่ หรือกระทำการนอกเหนือไปจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยนายสนธิญากล่าวว่า ตนต้องการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานว่าการดำเนินการของคณะ กมธ.ชุดดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันสภาฯ มีคณะ กมธ.ประมาณ 35 คณะ การปฏิบัติควรจะต้องเป็นไปตามแนวทางเดียวกัน หากไม่มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน คณะ กมธ.จะเรียกใครมาเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนเคยยื่นเรื่องสอบถามกรณีดังกล่าวไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ จึงจำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกมาพูดในเชิงให้ตนระวังว่าจะซวย หลังตนยื่นให้ กกต.ตรวจสอบกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นำสถาบันฯ มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองนั้น นายสนธิญากล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อให้ตนซวยหรือเสียชีวิตด้วยเลือดเนื้อในชีวิตก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และถ้าไปย้อนกลับไปดูประวัติของตน ตนเคยยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบมาตรา 112 ในกรณีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันบุคคลดังกล่าวได้ออกจากประเทศไทยแล้ว
นายสนธิญายังฝากถึงประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ว่าให้ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อจักรยานยนต์ไทเกอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 19,000 คัน มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เข้ารับตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2550 โดยรักษาการในตำแหน่งดังกล่าวเพียง 6 เดือน 7 วัน ก็ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไปแล้วเมื่อปี 2560 และได้ส่งเรื่องให้ สตช.ได้พิจารณาในเรื่องวินัยต่อตำรวจทั้ง 13 นายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยขอให้ กมธ.ชุดดังกล่าวพิจารณาเรื่องนี้เพราะยังอยู่ในอายุความ หากเปรียบเทียบแล้วจะเห็นว่าการเข้ามาบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต ขณะเดียวกัน กลับมีโครงการต่างๆ มากมายรวมมูลค่า 5 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับงบประมาณประเทศ 2 ปี โดยไม่มีเรื่องทุจริต ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกันอย่างชัดเจน