วานนี้ (6พ.ย.) เป็นวันที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน กมธ. ได้เรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาชี้แจงในประเด็นการกล่าวคำถวายสัตย์ฯ และการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2563 แต่ทั้งนายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือของเลื่อนการชี้แจงไปก่อน เนื่องจากติดประชุมครม. ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะประธาน กมธ. ก็เห็นว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องเลื่อนจริงๆ และทางกมธ. ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร พร้อมขอบคุณทั้ง 2 ท่าน ที่ให้ความร่วมมือ กับกมธ. ป.ป.ช.
วันเดียวกันนี้ นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงว่า กมธ.ป.ป.ช. มีอำนาจในการเรียกพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เข้าชี้แจง ในประเด็นดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ หรือเป็นการกระทำการนอกเหนือไปจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน เพราะหากไม่มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน คณะกมธ. จะเรียกใครมาเมื่อไร ก็ได้
นายสนธิญา ยังฝากถึง ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ว่าให้ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 19,000 คัน มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เข้ารับตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. เมื่อปี 2550 โดยรักษาการในตำแหน่งดังกล่าวเพียง 6 เดือน 7 วัน ก็ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว เมื่อปี 2560 และได้ส่งเรื่องให้สตช.พิจารณาในเรื่องวินัยกับตำรวจทั้ง 13 นาย ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยขอให้ กมธ. ชุดนี้ หยิบเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย เพราะยังอยู่ในอายุความ
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการฯ เพื่อเสนอต่อศาลรธน. วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของ ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ. 2554 มาตรา 5 , 8 และ 13 ขัดหรือแย้งต่อรธน. มาตรา 129 เนื่องจากเห็นว่าเดิมรธน. 50 มาตรา 135 ได้บัญญัติให้ กมธ.สภาผู้แทนราษฎร
และวุฒิสภา มีอำนาจออกคำสั่งเรียก และคำสั่งเรียกมีผลบังคับตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่ รธน.60ได้ยกเลิกอำนาจของกมธ. ในการออกคำสั่งเรียก และยกเลิกการให้คำสั่งเรียก มีผลบังคับตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้นคณะกมธ. จึงมีอำนาจเพียงเรียกเอกสาร หรือบุคคลมาชี้แจง แต่ไม่ใช่การออกคำสั่งเรียก
การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะออกคำสั่งเรียกพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงนั้น หากกระทำจริง จะเป็นการฝ่าฝืนรธน. จึงขอให้ผู้ตรวจการฯ เสนอเรื่องต่อศาลรธน. เพื่อวินิจฉัยกรณี พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของกมธ.สภาผู้แทน และ วุฒิสภา มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรธน. โดยเหตุขัดหรือแย้ง ต่อรธน. มาตรา 129 จึงใช้บังคับไม่ได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจฯแล้ว จะนำสำเนาหนังสือที่ยื่น และหนังสือตอบรับไปยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในวันนี้ (7พ.ย.) เวลา10.00 น. เพื่อให้ประธานสภาฯ นำไปเตือน ประธาน กมธ.ป.ป.ช. และประธานกมธ. ชุดต่างๆ ว่าให้ระงับการดำเนินการออกคำสั่งเรียกบุคคลมาชี้แจง
ทั้งนี้ การที่ตนเห็นว่าต้องนำเรื่องดังกล่าวมายื่นให้ผู้ตรวจฯ เพราะปัจจุบันอำนาจในการเชิญบุคคล หรือเรียกบุคคลมาชี้แจงของรธน.เก่า และใหม่ ต่างกัน ซึ่งการเรียกบุคคลมาชี้แจงของกมธ. ไม่ได้มีผลบังคับ แต่เป็นลักษณะการขอความร่วมมือจากบุคคลนั้นที่จะมาชี้แจงเอง หรือส่งเอกสารชี้แจง
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง การเข้าร่วม กมธ.ป.ป.ช. แทนส.ส.ของพรรค ที่ลาออกจากกมธ.ว่า ตนพร้อมและเต็มใจเข้ามาทำงานในกมธ.ชุดดังกล่าว และเมื่อเข้าไปแล้ว จะไปดูการทำงานของ กมธ.ชุดนี้ ว่ามีการทำงานเกินขอบเขต หรือมีอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการอ่อนโลก หรืออ่อนประสบการณ์ของ ส.ส.สมัยแรก ที่อาจจะทำให้การใช้อำนาจมากเกินไป
นอกจากนี้ จะเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้รื้อฟื้นกรณีการจัดซื้อจักรยานยนต์ไทเกอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่งรักษาการ ผบ.ตร. มาชี้แจงใน กมธ.ป.ป.ช.ด้วย เพราะจักรยานยนต์รุ่นนี้ ห่วยมาก สตาร์ทก็ยาก เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นการจัดซื้อในจำนวนที่งบประมาณสูงมาก โดยตนจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เข้ามาชี้แจงด้วย ส่วนกรณีที่ทาง กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ จะเรียกนายกฯ มาชี้แจงนั้น อยากให้ติดตามการทำงานตอนต่อไป ว่าตนและนายสิระ จะมีแนวทางกดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าตัวเอ. จะเป็นตัวจี๊ด จะสร้างสีสันให้ กมธ.ชุดนี้ หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า "ได้คะ ตัวเองพร้อมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอให้ดูการทำงานเป็นหลัก" เมื่อถามต่อว่า มองการทำงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อย่างไร น.ส.ปารีณา กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเรียนรู้การทำงาน และการใช้อำนาจ เพราะการกระทำของเขา บางอย่างเข้าข่ายผิดกฎหมายแล้ว ส่วนอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ส่วนตัวขอปรึกษากับทีมกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐก่อน หากมีอะไรที่ชัดเจนก็พร้อมดำเนินคดี
"อยากจะฝากถึง พล.ต.อ.สรีพิศุทธ์ ว่าส.ส.กับตำรวจ อำนาจอาจจะต่างกัน ขอให้ท่านใช้อำนาจด้วยความระมัดระวัง ในฐานะที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ผู้แทนราษฎร มีหน้าที่รับใช้ประชาชน อยากให้ท่านวางตัว และกริยาให้เกียรติคนอื่น คำพูดคำจาก็อยากให้นุ่มนวลลง" น.ส.ปารีณา กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงว่า กมธ.ป.ป.ช. มีอำนาจในการเรียกพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เข้าชี้แจง ในประเด็นดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ หรือเป็นการกระทำการนอกเหนือไปจากที่กฎหมายบัญญัติไว้ เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน เพราะหากไม่มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน คณะกมธ. จะเรียกใครมาเมื่อไร ก็ได้
นายสนธิญา ยังฝากถึง ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ว่าให้ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 19,000 คัน มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เข้ารับตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร. เมื่อปี 2550 โดยรักษาการในตำแหน่งดังกล่าวเพียง 6 เดือน 7 วัน ก็ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว เมื่อปี 2560 และได้ส่งเรื่องให้สตช.พิจารณาในเรื่องวินัยกับตำรวจทั้ง 13 นาย ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยขอให้ กมธ. ชุดนี้ หยิบเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย เพราะยังอยู่ในอายุความ
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการฯ เพื่อเสนอต่อศาลรธน. วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของ ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ. 2554 มาตรา 5 , 8 และ 13 ขัดหรือแย้งต่อรธน. มาตรา 129 เนื่องจากเห็นว่าเดิมรธน. 50 มาตรา 135 ได้บัญญัติให้ กมธ.สภาผู้แทนราษฎร
และวุฒิสภา มีอำนาจออกคำสั่งเรียก และคำสั่งเรียกมีผลบังคับตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่ รธน.60ได้ยกเลิกอำนาจของกมธ. ในการออกคำสั่งเรียก และยกเลิกการให้คำสั่งเรียก มีผลบังคับตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้นคณะกมธ. จึงมีอำนาจเพียงเรียกเอกสาร หรือบุคคลมาชี้แจง แต่ไม่ใช่การออกคำสั่งเรียก
การที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะออกคำสั่งเรียกพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงนั้น หากกระทำจริง จะเป็นการฝ่าฝืนรธน. จึงขอให้ผู้ตรวจการฯ เสนอเรื่องต่อศาลรธน. เพื่อวินิจฉัยกรณี พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของกมธ.สภาผู้แทน และ วุฒิสภา มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรธน. โดยเหตุขัดหรือแย้ง ต่อรธน. มาตรา 129 จึงใช้บังคับไม่ได้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจฯแล้ว จะนำสำเนาหนังสือที่ยื่น และหนังสือตอบรับไปยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในวันนี้ (7พ.ย.) เวลา10.00 น. เพื่อให้ประธานสภาฯ นำไปเตือน ประธาน กมธ.ป.ป.ช. และประธานกมธ. ชุดต่างๆ ว่าให้ระงับการดำเนินการออกคำสั่งเรียกบุคคลมาชี้แจง
ทั้งนี้ การที่ตนเห็นว่าต้องนำเรื่องดังกล่าวมายื่นให้ผู้ตรวจฯ เพราะปัจจุบันอำนาจในการเชิญบุคคล หรือเรียกบุคคลมาชี้แจงของรธน.เก่า และใหม่ ต่างกัน ซึ่งการเรียกบุคคลมาชี้แจงของกมธ. ไม่ได้มีผลบังคับ แต่เป็นลักษณะการขอความร่วมมือจากบุคคลนั้นที่จะมาชี้แจงเอง หรือส่งเอกสารชี้แจง
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง การเข้าร่วม กมธ.ป.ป.ช. แทนส.ส.ของพรรค ที่ลาออกจากกมธ.ว่า ตนพร้อมและเต็มใจเข้ามาทำงานในกมธ.ชุดดังกล่าว และเมื่อเข้าไปแล้ว จะไปดูการทำงานของ กมธ.ชุดนี้ ว่ามีการทำงานเกินขอบเขต หรือมีอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการอ่อนโลก หรืออ่อนประสบการณ์ของ ส.ส.สมัยแรก ที่อาจจะทำให้การใช้อำนาจมากเกินไป
นอกจากนี้ จะเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้รื้อฟื้นกรณีการจัดซื้อจักรยานยนต์ไทเกอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่งรักษาการ ผบ.ตร. มาชี้แจงใน กมธ.ป.ป.ช.ด้วย เพราะจักรยานยนต์รุ่นนี้ ห่วยมาก สตาร์ทก็ยาก เร่งไม่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นการจัดซื้อในจำนวนที่งบประมาณสูงมาก โดยตนจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เข้ามาชี้แจงด้วย ส่วนกรณีที่ทาง กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ จะเรียกนายกฯ มาชี้แจงนั้น อยากให้ติดตามการทำงานตอนต่อไป ว่าตนและนายสิระ จะมีแนวทางกดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าตัวเอ. จะเป็นตัวจี๊ด จะสร้างสีสันให้ กมธ.ชุดนี้ หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า "ได้คะ ตัวเองพร้อมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอให้ดูการทำงานเป็นหลัก" เมื่อถามต่อว่า มองการทำงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อย่างไร น.ส.ปารีณา กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเรียนรู้การทำงาน และการใช้อำนาจ เพราะการกระทำของเขา บางอย่างเข้าข่ายผิดกฎหมายแล้ว ส่วนอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ส่วนตัวขอปรึกษากับทีมกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐก่อน หากมีอะไรที่ชัดเจนก็พร้อมดำเนินคดี
"อยากจะฝากถึง พล.ต.อ.สรีพิศุทธ์ ว่าส.ส.กับตำรวจ อำนาจอาจจะต่างกัน ขอให้ท่านใช้อำนาจด้วยความระมัดระวัง ในฐานะที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ผู้แทนราษฎร มีหน้าที่รับใช้ประชาชน อยากให้ท่านวางตัว และกริยาให้เกียรติคนอื่น คำพูดคำจาก็อยากให้นุ่มนวลลง" น.ส.ปารีณา กล่าว