มาอีกแล้ว โพสต์อย่างสั้น โยงเรื่องใหญ่และซับซ้อน แต่เข้าใจง่ายว่า มีวัตถุประสงค์อะไร ในทางการเมือง ของ “เสธโหน่ง” รองหัวหน้าพรรคส้มหวาน
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 - พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ขบวนการขนคนเข้ายุโรปมี 2 รูปแบบ
1. รับเงินก่อนขน ขบวนการจัดทำโดยชาวจีน 2. รับเงินหลังขนเสร็จ ขบวนการจัดทำโดยชาวยุโรปตะวันออก
เรื่องธุรกิจขนคน ขนของ มีการนำมาสร้างหนังเรื่อง transporter ท้องเรื่องอยู่ในยุโรปตะวันออก เรื่องจริงที่ชาวเวียดนามเสียชีวิตจำนวนมาก คาดว่าจะมาจากการขนที่ไม่มีคุณภาพ
สิ่งที่น่าจะเกิดตามมาคือ ขบวนการขนที่เป็นเจ้าใหญ่อยู่น่าจะทำการกวาดล้างคู่แข่งทางธุรกิจเพราะทำให้เสียตลาดและความน่าเชื่อถือ
การขนคนหนีจากสภาพยากจนและอันตรายภายในประเทศ อย่าง เวเนซูเอลา ซีเรีย ลิเบีย และล่าสุดเวียดนาม หรือแม้แต่ฮ่องกงดังที่เห็นเป็นธุรกิจกำไรงาม
ไม่อยากให้คนไทยหนีตายเช่นนี้ ต้องลุกขึ้นมามีส่วนร่วมทางการเมืองให้เต็มที่ กรณีผีน้อยไปเกาหลีใต้ ไปญี่ปุ่น แสดงถึงสภาพการล่มสลายของสังคมไทยที่ถดถอย ล้าหลังไปเรื่อยๆชัดเจนอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก เราจะรอรถอัลติสเปลี่ยนรุ่นกันอยู่อย่างนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนครับ
ที่ต้องทำความเข้าใจคือ "ผีน้อย" ไทย ก็คือ คนไทยที่โดดวีซ่า ไปทำงานที่เกาหลี และญี่ปุ่น ผ่านกรุ๊ปทัวร์ นั่นเอง
สำหรับ พล.ท.พงศกร รอดชมภู หรือ “เสธโหน่ง” และหรือ ดร.โหน่ง ที่ปรากฏในเว็บไซต์ของพรรค
ก่อนหน้านี้เคยถูกดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือพ.ร.บ.คอมพ์ฐานทำผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวปลอม กล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั่งดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง กินกาแฟไม่กี่ถ้วย จ่ายเงินไป 82,000 บาท
เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา พล.ท.พงศกร อ้างกับตำรวจว่า ตอนแชร์ข่าว ไม่ทราบว่าเป็นข่าวปลอม เห็นชื่อตรงลิงก์เป็นสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักจึงแชร์ แต่พอรู้ว่าเป็นข่าวปลอมก็รีบดำเนินการลบทันทีภายใน 2-3 นาที พร้อมทั้งโพสต์ข้อความขออภัย เพราะไม่มีเจตนา
พร้อมกับตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ และว่า ยิ่งทำแบบนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยจะยิ่งชนะ
ประวัติที่น่าสนใจ พล.ท.พงศกร ถือว่าเป็นขุนพลคนสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ เป็นคนที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ยกย่องและนับถือมาก จึงชวนเข้ามาทำงานการเมือง และให้ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค
ผลงานที่พล.ท.พงศกรทำให้กับพรรค คือการเสนอนโยบายปฏิรูปกองทัพ ลดอำนาจทหาร ตัดงบประมาณทหาร ที่เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคอนาคตใหม่ ที่สร้างคะแนนและเป็นที่จดจำ ของคนนิยมพรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างมากควบคู่กับนโยบาย ล้างมรดก คสช.
พล.ท.พงศกร ข้ามห้วยจากทหารมาเป็นรองเลขาธิการ สมช. สภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามแรงผลักดันของเพื่อนรัก “เสธ.แมว” พล.ท.ภราดร พัฒนภาบุตร เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 จากตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย มาเป็นรองเลขา สมช. เบอร์2ในตึกแดง สมช.
มีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 14 อย่าง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตผบ.ทบ. อดีตรมช.กลาโหม พล.อ.นิภัทธ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล แต่คนที่พล.ท.พงศกรสนิทที่สุดคือ พล.ท.ภราดร ที่ตอนนี้แยกกันไปอยู่พรรคเพื่อไทย
พล.ท.พงศกร ถือว่าเป็น แกนนำก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ตัวจริง โดยการเข้ามาร่วมจัดตั้งพรรค เกิดขึ้นในช่วง หลังเกษียณอายุราชการได้ไม่นานหลังจากถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้มาตรา 44 ย้ายจากรองเลขาธิการ สมช. ไปเข้ากรุอยู่สำนักนายกฯจนเกษียณ
และจากนั้น พล.ท.พงศกร ก็เขียนบทความ และออกสื่อโซเชียลมีเดีย สื่อทีวีดาวเทียม เพื่อวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.อย่างเผ็ดร้อน จนเมื่อ ธนาธร และปิยบุตร เดินหน้าจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ จึงชวนเข้าร่วมพรรค
การที่พล.ท.พงศกร ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเช่นนี้ ท่ามกลางพรรคอนาคตใหม่กำลังถูกลูกพรรคจำนวนหนึ่งทิ้งบอมบ์เข้าใส จนเป๋ไปเป๋มา เพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเลย