xs
xsm
sm
md
lg

“หอการค้า 17 จว.ภาคเหนือ” จับมือสถาบันการศึกษา เตรียมร่าง กม.อากาศสะอาด หวังลดมลพิษ - PM2.5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“หอการค้า 17 จว.ภาคเหนือ” จับมือสถาบันการศึกษา เตรียมร่าง กม.อากาศสะอาด หวังลดมลพิษ - PM2.5 ด้าน ส.ว.ลงพื้นที่พบประชาชน รับทราบปัญหา เน้นเป็นด่านหน้าเก็บข้อมูลหวังปฏิรูปกม.ล้าหลัง-ร่างใหม่เพื่อเข้ากับโลกปัจจุบัน


วันนี้ (28 ต.ค.) ที่รัฐสภา พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ในฐานะรองประธานกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) กล่าวว่า ตามบทบัญญัติหน้าที่ของส.ว.คือการกลั่นกรองกฎหมาย รวมทั้งการติดตามการปฏิรูปประเทศ และเสนอแนะตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ดังนั้น ทางส.ว.ต้องทราบข้อมูลที่แท้จริงจากประชาชน รวมถึงภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยเพื่อนำมาปรับปรุง และออกกฎหมายใหม่ที่สอดคล้องกับบริบทประเทศ เราจึงลงพื้นที่ติดตามซึ่งเราแบ่งเป็นภาคต่าง ๆ ถึง 7 พื้นที่ ตนรับผิดชอบในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่มี 8 จังหวัด ซึ่งเราลงพื้นที่ในบางจังหวัดได้ 1-2 ครั้งแล้ว โดยช่วงวันที่ 7-9 พ.ย.จะลงพื้นที่ จ.แพร่ และน่าน โดยปัญหาต่างๆ ที่เราพบและมีข้อร้องเรียนจากประชาชน เช่น ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ มีหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ซึ่งภาคเหนือตอนบนมีหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ประชาชนมีปัญหาด้านสุขภาพและกระทบกับการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งในเรื่องนี้หอการค้า 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้ร่วมกันศึกษาการร่างกฎหมายอากาศสะอาด โดยให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในพื้นที่ ช่วยกันศึกษากฎหมายของต่างประเทศและนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบ้านเรา เชื่อว่าอีกไม่นานจะเสร็จและสามารถนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาออกเป็นกฎหมายใช้บังคับได้
"นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัญหาด้านการท่องเที่ยว ที่พักต่างๆ เช่น โฮมสเตย์ หรือเกสเฮ้าส์เล็กๆ ของชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมาย ทำให้กลายเป็นโรงแรมเถื่อนเพราะไม่ได้รับใบอนุญาต อีกเรื่องที่สำคัญคือ ปัญหาที่ดินทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งหลายพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวน อุทยานแห่งชาติและเขตห้ามล่าสัตว์ เราคงต้องหาวิธีเสนอแนะส่วนที่เกี่ยวของเพื่อให้ชาวบ้านมีพื้นที่ในการทำกิน ในบางพื้นที่ยังทุรกันดาร ถนนและไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงด้วย และในบางพื้นที่มีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำที่ไม่พอใช้ในหน้าแล้ง เรื่องเหล่านี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนและเราได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว" พล.อ.สกนธ์ กล่าว
พล.อ.สกนธ์ กล่าวอีกว่า ทางคณะฯ ได้พูดคุยปัญหากับทางภาคเอกชน มีปัญหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในพื้นที่ เช่น ผลิตภัณฑ์เซรามิค ที่ต้องใช้ดินขาว แต่ปัจจุบันดินในพื้นที่ค่อนข้างหายาก ต้องขนส่งจากที่อื่นทำให้ราคาแพง และการผลิตลำไยอบแห้ง ที่เราแนะนำว่าควรจะแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าและให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้เรายังพบปัญหา การค้าชายแดน ที่รัฐบาลตั้งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ตรงนี้ถือว่าดีมากเพราะทางชายแดนติดกับจีนตอนใต้นั้น ถือว่ามีกำลังซื้อขายที่สูง แต่มีปัญหาที่ยังไม่ค่อยคืบหน้าโดยเฉพาะในระดับล่างเนื่องจากการบริหารยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งตรงนี้เราได้พูดคุยกับทางหอการค้าจังหวัดต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ วุฒิสภาได้พยายามลงพื้นที่ให้มากที่สุด โดยขณะนี้เป็นช่วงหาข้อมูล เพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการชุดต่างๆ และรัฐบาลเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่ไม่สอดคล้อง ล้าหลัง รวมทั้งออกกฎหมายใหม่ โดยเราได้ประสานกับทาง ส.ส.ด้วย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด.
กำลังโหลดความคิดเห็น