xs
xsm
sm
md
lg

สภาชุมชนฯ ยื่น กมธ.วอนรัฐสางปัญหาที่ดินเขาค้อ หลังชาวบ้านโดนฟ้องกว่าร้อย-ศาลสั่งรื้อรีสอร์ตระนาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เพชรบูรณ์ - "หมอพลเดช" เชื่อแก้ปมที่ดินเขาค้อ 3 ปีจบหากร่วมมือกันจริงจัง ยุคณะกรรมการลงพื้นที่ค้นหาความจริง ใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ การมีส่วนร่วมของ ปชช.พิสูจน์ใครอยู่ก่อนอยู่หลัง บอกได้เห็นกันจะจะ ขรก.-นายทุนเอี่ยวหรือไม่

เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนอำเภอเขาค้อได้ยื่นหนังสือต่อ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภาและรองประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อส่งผ่านไปถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสังคิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เรื่องขอให้เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 4 ตำบลของ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ คือ ต.เขาค้อ, ต.สะเดาะพง, ต.ริมสีม่วง, ต.หนองแม่นา

นพ.พลเดชให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหานี้เท่าที่ทราบรัฐบาลชุดที่ผ่านมามีการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับคนอยู่กับป่า และการจัดประโยชน์การใช้ที่ดินเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ออกกฎหมายอนุบัญญัติหรือกฎหมายลูก หรือระเบียบข้อบังคับต่างๆ จะเสร็จแล้ว ซึ่งจากนี้เป็นต้นไปจะแก้ไขโดยใช้ระเบียบใหม่ กฎหมายใหม่

ซึ่งเท่าที่ตนได้รับฟังจากอดีต รมว.ทส. (พล.อ.สุรศกดิ์ กาษจนรัตน์) ก็มีความหวังว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยพื้นฐาน ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ทางสภาองค์กรชุมชนยื่นมาจึงมั่นใจว่าต้องทำให้ตัวแทนของสภาชุมชนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการ ให้มีเวทีคู่ขนานเพื่อจัดการปัญหา ความขัดแย้งในเรื่องที่ดิน ให้คนอยู่กับป่าได้ แล้วอยู่ได้อย่างยั่งยืน เป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันก็รักษาผืนป่าไว้ให้ได้ ถ้าทำได้อย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของการปฏิรูปประเทศ

สมาชิกวุฒิสภากล่าวย้ำว่า คณะกรรมการต้องลงมาดูพื้นที่ค้นหาความเป็นจริงไม่ใช่นั่งโต๊ะอยู่ที่กรุงเทพฯ มาเดินเท้าสำรวจกัน เลยเอาจีพีเอสมาจับ หรือใช้ภาพถ่ายทางอากาศมาดู ต้องเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเป็นตัวตัดสิน ใครอยู่นานอยู่ก่อนอยู่หลังต่างๆ ต้องมีหลักฐานพิสูจน์ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการที่สอบค้นข้อเท็จจริง และยังเชื่อว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่เขาจะบอกกันเองใครจริงใครไม่จริง

นพ.พลเดชยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่จะมีข้าราชการที่จะเป็นตัวแปรตัวแทรกหรือมีนายทุนจากต่างถิ่น เดี๋ยวจะมีการพิสูจน์กันตรงนั้น คิดว่าถ้ามีการร่วมมือกันจริงไม่เกิน 3 ปีปัญหาที่คาราคาซังมา 30 ปีก็จะยุติได้ประเทศเราจะได้เดินหน้าต่อไปได้

สำหรับหนังสือที่เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนฯ ดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุยายน 2558 ทางเครือข่ายฯ ได้ยื่นขอใช้ประโยชน์ในที่ดินพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ ตามมาตรา 16 พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ พ.ศ. 2507 ต่อกรมป่าไม้ผ่านอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ระดับจังหวัด

แต่ในปี 2554-2560 พบว่ามีประชาชนจำนวน 155 รายถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าสงวนฯ เขาปางก่อ-วังชมภู และมีกว่า 10 รายที่ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก, รื้อถอนบ้านพัก, รีสอร์ตออกจากพื้นที่ ทั้งที่ได้อยู่อาศัยมาพร้อมหน่วยราชการทั้ง 83 แห่งในพื้นที่ดังกล่าว และได้รวมตัวกันขออนุญาตใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมายก่อนถูกดำเนินคดี ประกอบกับมีมติ ครม.สัญจรที่เพชรบูรณ์สั่งการเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 เสนอให้เป็นพื้นที่นำร่องในการทำ คทช. และมติ ครม.วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้ทุกลุ่มน้ำ และกองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) ได้มอบพื้นที่คืนกรมป่าไม้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 รวมทั้งคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ที่ได้ยกเลิกนโยบายทวงคืนผืนป่าในคำสั่ง คสช.ที่ 64,66/2557 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562

ต่อมาได้มีการจัด คทช.ในพื้นที่ อ.เขาค้อ โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 ตำบลที่ ทภ.3 คืนให้กรมป่าไม้ แต่ยังดำเนินการล่าช้า เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนฯ ได้รับการร้องขอจากผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ให้เป็นพยานบุคคลขึ้นให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อ-พยานศาล ทำให้คณะทำงานในพื้นที่เดือดร้อนและเสียเวลา

ขณะเดียวกัน คดีที่ปัจจุบันยังอยู่ในชั้นศาลคงมีแนวโน้มไม่แตกต่างกันจาก 10 กว่าราย คือให้รื้อถอนออกไปเนื่องจากอยู่ในป่าสงวน ซึ่งหากถูกคำสั่งศาลให้ทุบรื้อทั้งหมดจะส่งผลให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเสียหายจากการที่ภาครัฐเคยส่งเสริมและสนับสนุนไว้ ตลอดจนทำให้ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์โดยรวมเสียหายทั้งระบบยากจะพื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมได้ ในฐานะองค์กรฯ ที่ได้รับมติให้เป็นผู้ขอใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จึงขอให้หาแนวทางในการสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องนี้ อันเกี่ยวกับการจัดการที่ดินเป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาผลร้ายให้ประชาชนชาวเขาค้อ เพื่อการพิจารณาแก้ไขร่วมกันตามแนวยุทธศาสตร์ชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น