“จรุงวิทย์” รับมีข่าว สนช.เคลื่อนไหวแก้ปมผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชงล้มเลือกใหม่ใน 60 วัน แจงโต้องค์ประกอบตามระเบียบฯ คกก.คัดเลือกหลากหลาย ชี้ คนได้รับเลือกไม่เหมาะชง กกต.พิจารณาได้ “สมชาย” ชี้ กกต.ชิงเลือกก่อนไม่เหมาะหวั่นนักการเมืองซื้อตัว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ยอมรับว่า มีข่าวการเคลื่อนไหวของ สนช. ที่จะให้มีการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.กกต. ในเรื่องของการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในส่วนสำนักงานฯ การออกระเบียบ กกต ว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้ง 2561 ได้มีการนำข้อสังเกต ข้อห่วงใยที่มีการอภิปรายในที่ประชุม สนช.เมื่อคราวพิจารณาร่าง พ.ร.ป.กกต. ในประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง มาแปลงเป็นข้อปฏิบัติในการพิจารณาคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง เช่น ต้องได้คนที่เป็นกลาง ต้องมีการแบ่งกลุ่มเป็นจังหวัด ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกและตรวจสอบ ในระเบียบ จึงได้มีการกำหนดให้ การคัดเลือกระดับจังหวัดมีผู้แทนขององค์กรเอกชนและผู้แทนหน่วยงานร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งถือว่ามีความหลากหลายและเมื่อ กกต. กลางคัดเลือกเหลือ 8 คนแล้ว ก็ต้องมีการส่งรายชื่อ ให้สำนักงาน กกต.จังหวัด ทั่วประเทศติดประกาศให้ประชาชน ได้ตรวจสอบคัดค้านหากมีหลักฐานว่าผู้ที่ กกต.คัดเลือกคุณสมบัติไม่เหมาะสม ก็มีการแก้ไข รวมทั้งเมื่อจะมีการเลือกตั้งการจะได้ทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ในจังหวัดใดก็ต้องมาจากการจับสลากภายในกลุ่มจังหวัด ดังนั้น ระบียบที่ออกมารัดกุมพอสมควร
เลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า การประชุมคัดเลือก ผู้ตรวจการเลือกตั้งของกกต.กลางเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นไปตามตารางการปฏิบัติงานโดยคาดการณ์กว่าจะเสร็จขั้นตอนของการคัดค้าน การตรวจสอบเรื่องร้องเรียน การอบรม ให้รู้เข้าใจขั้นตอนการตรวจการเลือกตั้งการรายงานเหตุ จนสามารถปฏิบัติงานได้ก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกับที่ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ซึ่ง ก็ต้องมีการดำเนินการสรรหาทันทีและ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ต้องมาช่วยงานในส่วนนี้
“ทําให้ กกต.ชุดปัจจุบัน ต้องคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 616 คน ซึ่งเวลานี้หาก สนช. ที่กำลังพิจารณาจะเสนอแก้ไขกฎหมาย หรือประชาชนที่มีข้อมูลเห็นว่า ผู้ที่ กกต.ประกาศชื่อ มีความไม่เหมาะสม ก็สามารถยื่นคัดค้านพร้อมหลักฐานได้ หรือเมื่อผู้ตรวจการเลือกตั้งทำงานไปแล้วผลงานไม่ดี ถูกร้องเรียน ตามระเบียบก็ให้มีการประเมิน ไม่ผ่านก็ต้องเปลี่ยน”
เมื่อถามว่า หากมีการเสนอไขกฎหมายจะต้องระงับหรือยกเลิก รายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ กกต. ประกาศไปก่อนหน้านี้ก่อนหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังไม่ทราบรายละเอียดที่จะแก้ไขเป็นอย่างไร แต่การแก้ไขกฎหมายต้องอาศัยเวลา ทางสำนักงานคงต้องดำเนินการต่างๆไปก่อน ตามกฎหมายและระเบียบปัจจุบัน แต่หากมีการแก้ไขกฎหมายและเสร็จออกมาอย่างไรสำนักงานก็พร้อมปฏิบัติตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของ สนช.บางส่วนเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเกิดข่าวว่าผู้ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งเป็นอดีตพนักงาน และคนใกล้ชิดของกกต.ปัจจุบัน ซึ่งในการเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.ป.กกต.นั้น ต้องการให้นำ กระบวนการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งมาอยู่ใน พ.ร.ป. ไม่ใช่ให้ กกต.ไปออกระเบียบเช่นปัจจุบัน โดยอ้างว่า เพื่อให้การคัดเลือกแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ควรกำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกที่มีองค์ประกอบหลากหลายมีความเป็นอิสระจึงจำเป็น ต้องตรา พ.ร.ป.นี้ ขณะเดียวกัน องค์ประกอบ คณะกรรมการคัดเลือกตามระเบียบ กกต ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานร่วมกับผู้แทนหน่วยงานอื่นรวม 8 คน ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ไม่นำประธานสภาทนายความจังหวัด ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนมาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย และให้การคัดเลือกแต่งตั้ง ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ก่อน วันที่ พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับสิ้นผลไป และให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ พ.ร.ป.นี้ มีผลใช้บังคับ
ด้าน นายสมชาย แสวงการ สนช.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในคณะกรรมาธิการชุดรวบรวมความคิดเห็น เคยสอบถามเจ้าหน้าที่ของ กกต.ที่มาชี้แจงในเรื่องกฎหมาย ว่า ทำไม กกต.ต้องรีบเลือก ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ได้รับคำชี้แจงว่า เพราะจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปี 62 ตามโรดแมปรัฐบาล จึงต้องเตรียมการ แต่ตนก็เห็นว่ายังเหลือเวลาอีกนาน เลือกไว้ก็ทำให้นักการเมืองเข้าไปติดต่อได้ และเวลานั้นก็เห็นหน้าเห็นตาว่าที่ กกต.ใหม่แล้ว ดังนั้น การที่ กกต.ชุดปัจจุบันคัดเลือกจึงเกิดคำถามว่าแล้วมันเหมาะสมหรือ แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วและทราบว่าอยู่ระหว่างเปิดให้คัดค้าน ดังนั้น ถ้าประชาชนเห็นว่า ผู้ที่ กกต.คัดเลือกมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมไม่เป็นกลาง ก็ให้ส่งข้อมูลไปยัง กกต.หรือส่งมาที่กรรมาธิการการเมืองของ สนช.ก็ได้ ส่วนการเคลื่อนไหว สนช.ยังไม่ทราบ แต่ถ้าระเบียบทำให้การคัดเลือกได้คนไม่ดี หรือทำให้เกิดช่องโหว่ก็ต้องแก้ไขจะไปเขียนในกฎหมายหลักเพื่อให้หนักแน่นก็ดี