รองนายกฯ ปาฐกถาพิเศษ การตีความกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย แจงคดีหุ้นสัมปทาน 7 รมต.ส่อแววผ่านฉลุย เว้น “ดอน” เหตุถือเกิน 5% เหตุถือไว้ก่อน ระบุรัฐธรรมนูญบังคับใช้รัฐบาลหน้า
วันนี้ (20 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามนบินน้ำ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การตีความกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย” ตอนหนึ่งว่า การตีความกฎหมายเป็นการหาความหมายของคำในทางกฎหมายเพื่อให้เอามาใช้ได้ถูกต้องและเป็นไปตามเจตารมณ์ของกฎหมาย แต่การตีความกฎหมายที่ขยายความมากเกินไปจะเสียความยุติธรรมของกฎหมาย วันนี้มีคดีความหลายคดีในศาลปกครองที่ศาลเห็นว่าการตีความของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานเป็นการตีความกฎหมายที่ผิด เพราะตีความกฎหมายแบบไม่เป็นธรรม
“กรณีมีคนส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหารัฐมนตรี 8 คน ซึ่งมีผมรวมอยู่ด้วยโดยกล่าวหาว่าพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ในกรณีของผมนั้น แตกต่างจากอีก 7 คน เพราะไม่ต้องตีความ เนื่องจากมีการร้องว่าผมพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะมีกฎหมายเขียนว่ารัฐมนตรีจะต้องไม่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานรัฐ ซึ่งผมเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยมา 10 ปี แล้ว และปัจจุบันยังเป็นอยู่ คนที่ร้องคงลืมว่า ในรัฐธรรมนูญมีมาตราหนึ่งที่ระบุว่าบรรดาข้อห้ามที่เขียนในรัฐธรรมนูญไม่ใช้บังคับกับรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ แต่บังคับใช้กับรัฐบาลถัดไป ดังนั้น กรณีของผมจึงจบไป แต่กรณีอีก 7 คนถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นกับบริษัทที่ได้สัมปทานกับรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนว่ารัฐมนตรีจะถือหุ้นหรือมีหุ้นส่วนในบริษัทที่เป็นคู่สัมปทานกับรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ได้ รวมทั้งคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากมีจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งทั้ง 7 คนมีหุ้นจริง แต่มีหุ้นมาก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งก่อนเข้าดำรงตำแหน่งไม่ได้มีการขายหุ้นดังกล่าวออกไป ขณะที่ สนช.ที่ถือหุ้นสัมปทานก็มีเป็นร้อยคน แต่ยังไม่มีใครร้อง ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว กกต.พิจารณาหลายเดือน และมีข้อสรุปไม่นานมานี้แล้วว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม ซึ่งเป็นการตีความและวินิจฉัยว่าไม่ผิด”
นายวิษณุกล่าวว่า กกต.ใช้เหตุผลว่าเรื่องดังกล่าวเคยมีการวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายละเอียดในรัฐธรรมนูญเขียนเหมือนกัน ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความแล้วว่าไม่ผิด เพราะศาลเห็นว่าเรื่องใดที่รัฐธรรมนูญห้ามสำหรับการกระทำที่เกิดก่อนการมาดำรงตำแหน่ง แล้วพอมาดำรงตำแหน่งถึงยังมีต่อไปก็ไม่ได้ผิดอะไรเพราะยังมีมาก่อน หากรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้มีก็จะมีการระบุชัดเจนว่าห้ามมีหุ้นและยังคงถือหุ้นต่อ ดังนั้น คนที่มาเป็นรัฐมนตรี มาเป็น ส.ส. หากมีหุ้นลักษณะนี้ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างไรก็ไม่ผิด
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. นายวิษณุให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยว่า 7 รัฐมนตรีถือหุ้นไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า กกต.มีคำวินิจฉัยมาแล้วว่าทั้ง 7 รัฐมนตรีไม่ผิด ยกเว้นนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่เป็นเรื่องการถือหุ้นสัมปทานเกิน 5% ซึ่งไม่เกี่ยวว่าเป็นการถือหุ้นก่อนหรือหลังเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย