xs
xsm
sm
md
lg

เบอร์เดียวแจ้งฉุกเฉิน 4 ปี ยังไม่คืบ! ใช้ 191 หรือ 911 สตช.จ่อใช้เงิน กสทช. 4.2 พัน ล. ผุด 44 ศูนย์แจ้งเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เบอร์เดียวแจ้งฉุกเฉิน 4 ปี ยังไม่คืบ! 191 หรือ 911 โยน 3 หน่วยงานหารือหมายเลข ด้านสตช.จ่อ ชง ครม.ใช้เงิน กสทช. 4.2 พันล้าน ตั้ง “44 ศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ” ด้าน กฤษฎีกา ย้ำ ร่าง กม.ศูนย์รับแจ้งเหตุฯ ให้ กสทช. กำหนดหมายเลขโทรศัพท์ให้แก่ศูนย์ฯ เปิดให้ผู้รับแจ้ง-หน่วยงานระงับเหตุ เข้าถึง หรือเปิดเผยพิกัดตำแหน่ง ข้อมูลส่วนตัว ผู้แจ้ง-ผู้ประสบเหตุโดยไม่มีความผิดพร้อมบทลงโทษผู้โทร.ก่อกวน ผู้แจ้งเหตุหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ ระวางโทษทั้งจำคุกและปรับ

วันนี้ (12 ก.ค.) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และได้รายงานความคืบหน้าโครงการบริการหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติหมายเลขเดียว (National Single Emergency Number) ต่อรัฐบาล ล่าสุด สตช. ได้หารือเพื่อจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงบประมาณ โดยประเด็นหลักคือขับเคลื่อนการจัดให้มีบริการหมายเลข ระหว่าง 191 หรือ 911 ให้เป็นหมายเลขเดียว ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีและให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอร่าง พ.ร.บ. หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ พ.ศ... และอนุมัติหลักการให้มีเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินหมายเลขเดียวตามมาตรฐานสากล โดยให้ใช้หมายเลข 911 และได้ส่งร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วมีความเห็นว่า เห็นสมควร แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และทำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 แทนการตรา พ.ร.บ. ใหม่

“กฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า การให้มีศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โดยให้ กสทช. เป็นผู้กำหนด หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ ให้แก่ศูนย์รับแจ้งเหตุดังกล่าว โดยให้ผู้รับแจ้งเหตุและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการระงับเหตุ สามารถเข้าถึงหรือเปิดเผยพิกัดตำแหน่งหรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แจ้งหรือ ผู้ประสบเหตุฉุกเฉิน โดยไม่มีความผิด และให้มีบทลงโทษผู้โทรก่อกวน และผู้แจ้งเหตุหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยต้องระวางโทษทั้งจำคุกและปรับ”

ขณะที่ กสทช. ได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงการออกแบบระบบการให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติหมายเลขเดียว โดยผลการศึกษาสรุปว่า การให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉิน ให้ความเห็นซอบหลักการของโครงการดังกล่าว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานรับผิดขอบดำเนินโครงการ

นอกจากนั้น ยังเตรียมอนุมัติงบประมาณของ กสทช. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุน ค่าใช้จ่ายลงทุน และค่าใช้จ่ายดำเนินการจาก กสทช. แบ่งเป็น งบลงทุน 3,140 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งระบบศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ จำนวน 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จำนวน 11 แห่ง วงเงินลงทุน 1,380 ล้านบาท และระยะที่ 2 จำนวน 33 แห่ง วงเงินลงทุน 1,760 ล้านบาท โดยงบดำเนินการค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาระบบ จำนวน 4 ปี รวมเป็นเงิน 4,232.88 ล้านบาท

มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ว่าโครงการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นโครงการก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคตตามนัย พ.ร.บ. วินัย การเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 โดยให้ส่งเรื่องดังกล่าว ให้กระทรวงการคลัง และ/หรือสำนักงบประมาณก่อน เพื่อพิจารณาเสนอความเห็น ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ. ด้งกล่าว

สำหรับโครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอร่าง พ.ร.บ. หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ พ.ศ.. โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนาม เพื่อเปิดช่องทางรับแจ้งเหตุข้อมูลข่าวสารที่เปีนสากล โดยให้ประสานรายละเอียดกับ กสทช.เพื่อดำเนินการ


กำลังโหลดความคิดเห็น