xs
xsm
sm
md
lg

ฮูย่าดังลั่น! ทร.จัดพิธีรับซีลอบอุ่น หลังจบภารกิจถ้ำหลวง ผบ.ยกเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กองทัพเรือจัดพิธีรับ “ซีล” อบอุ่น จัดอุโมงค์น้ำเที่ยวบินเกียรติยศ เสียง “ฮูย่า” ลั่นสนามบินอู่ตะเภา ด้าน ผบ.นสร.ลั่นหน่วยเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงฯ เปิดใจถึงหลังบ้านเป็นกำลังใจที่ดี

วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) มอบหมายให้ พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานต้อนรับกำลังพลของกองทัพเรือที่เดินทางกลับที่ตั้ง หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยคณะทั้งหมดมีจำนวน 159 นาย ประกอบด้วย หน่วยซีล 127 นาย นำโดยพล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือหน่วยซีล กองเรือยุทธการ นอกจากนั้นเป็นกำลังพลจากชุดเวชศาสตร์ทหารเรือ กรมแพทย์ทหารเรือ กรมสรรพวุธทหารเรือ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ และส่วนอื่นๆ อีกจำนวน 32 นาย เดินทางมาถึงโดยเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 ของกองทัพอากาศ และเครื่องบินแอมแบร์ของกองทัพเรือ โดยมีญาติ รวมถึงกำลังพลของกองทัพเรือ หน่วยซีล และประชาชนในพื้นที่มารอต้อนรับและมอบดอกไม้ให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ทั้งนี้ ทร.ได้จัดอุโมงค์น้ำเป็นเกียรติให้เครื่องบินเที่ยวนี้ และเมื่อเดินทางมาถึงได้มีพิธีต้อนรับ และร่วมร้องคำว่า “ฮูย่า” พร้อมกันด้วย

พล.ร.ต.อาภากรกล่าวว่า หลังจากได้รับมอบหมายภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมู่ป่า อะคาเดมี ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ก็รีบจัดกำลังพลเดินทางไปช่วยเหลือทันที เมื่อมีอุปสรรคอยู่ตรงหน้าเราก็ไม่ท้อถอย เราบอกว่าเราสู้ เมื่อสู้แล้วมีกำลังใจเยอะ และมีคนสนับสนุนเรามากมาย เพราะคนที่จะเข้าไปถึงน้องๆ ได้ก็คงจะต้องเป็นหน่วยซีลหน่วยเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นได้ เราจึงต้องเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เพื่อนพ้องน้องพี่ซีลที่ปลดประจำการไปแล้วก็มาร่วมงานกับพวกเรา แม้ว่าไม่ได้อยู่ในราชการ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่างๆ มากมายมาช่วยเรา เป็นที่ประจักษ์ว่าถ้าเราสู้และไม่ย่อท้อก็จะมีคนสนับสนุนเยอะมาก ในสิ่งที่เราทำลงไปถือว่ามีความเสี่ยงต่อกำลังพล แต่เราถูกฝึกมาให้อดทนเพื่อการณ์นี้ เราฝึกคนมาเพื่อทำงานเสี่ยงๆ ถ้างานง่ายๆ ไม่ต้องถึงมือเรา แต่งานนี้ถือว่าเป็นงานยาก

“ผมเชื่อมั่นในกำลังพลทุกคน และประจักษ์ว่ากำลังพลของหน่วยทุกคนยอดเยี่ยมมาก ขอบคุณกำลังพลของผมทุกคนที่ได้ทำงานนี้จนประสบผลสำเร็จค่อนข้างสมบูรณ์ เราก็เหมือนเฟืองตัวเล็กๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนเครื่องจักรให้สมบูรณ์ การสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องยากและต้องใช้ใจทำงาน อย่างไรก็ตาม ภารกิจครั้งนี้ได้สูญเสีย 1 นาย คือ จ.อ.สมาน กุนัน ที่เป็นผู้เสียสละ แต่เราก็ไม่เสียขวัญ เพราะเขาจากไปแบบวีรบุรุษของชาวโลก เป็นที่น่าภาคภูมิใจ” ผบ.นสร.กล่าว

ทั้งนี้ พล.ร.ต.อาภากรยังได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจเพิ่มเติมอีกว่า ตนเป็น ผบ.นสร. ใครๆ ก็ฟังและกลัวตนหมด แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่กลัว เขาก็จะให้คำแนะนำว่าสิ่งที่ทำจะเป็นอย่างไรบ้าง คือภรรยาของตน เพราะมีประสบการณ์มาก เคยขึ้นเขาเอเวอเรสต์ และเคยไปแอนตาร์กติกา 4 เดือน จึงช่วยในการประสานเครือข่ายต่างๆ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติ ในภารกิจครั้งนี้มีเครือข่ายอยู่หลายส่วน มีทั้งเปิดตัวแล้วไม่เปิดตัว อีกทั้งตนได้ทำงานร่วมกับทีมงานของนายอีลอน มัสก์

“ภรรยาของผมถือเป็นกำลังใจที่ดี ให้การสนับสนุนตลอด ถ้าผมไม่ได้เขาก็ไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ ที่ผ่านมาภรรยาไม่เคยออกหน้าเลย เพราะขออยู่ข้างหลังตลอด ก็ขอขอบคุณเอื้อย (ศศิวิมล อยู่คงแก้ว) ด้วย” พล.ร.ต.อาภากรกล่าว และว่าส่วนจะนำบทเรียนในภารกิจถ้ำหลวงฯ มาใส่ในการฝึกซีลหรือไม่นั้น ขอให้คอยดูเพราะอยู่ในขั้นตอนต่อไป

ทางด้าน น.อ.อนันต์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) กล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมากำลังเรียนรู้ประสบการณ์และแก้ปัญหาวันต่อวัน ถือเป็นความเสี่ยง การส่งนักดำน้ำไปทำงานคิดอยู่เสมอว่ามีความสำเร็จ 50% และไม่สำเร็จ หรือสูญเสีย 50% แม้จะมองโอกาสความสำเร็จ 40% แต่เราจะมองประเด็นที่ความสำเร็จมากกว่าความสูญเสีย ตนภูมิใจกับทีมงานซีลทุกคนเมื่อต้องออกไปปฏิบัติงานก็จะทำเต็มที่ไม่มีเกี่ยงงอน ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้นำไปแก้ไขให้เกิดความพร้อมทุกๆ ภารกิจที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ในอนาคต

น.อ.อนันต์กล่าวว่า การทำงานในถ้ำไม่รู้ว่าวันไหน นอนก็นอนในถ้ำตรงโถงสาม ตื่นบ้างพักบ้าง ลูกน้องก็สลับสับเปลี่ยนกันเข้าไปทำงาน ส่วนลูกน้อง 3 คนที่ขาดการติดต่อไป 23 ชม. หลังตรวจร่างกายก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่คงพิจารณาในเรื่องของอากาศหายใจจึงใช้เวลานานในการดำน้ำออกมา วันนี้ก็เดินทางกลับมาพร้อมคณะด้วย

ขณะที่ น.ต.ค่าย โตชัยภูมิ อดีตหน่วยซีลรุ่น 9 และอดีตครูฝึกหน่วยซีลที่เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ กล่าวถึงการเสริมบทเรียนการดำน้ำในถ้ำ หลังหน่วยซีลได้ทำภารกิจในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอง ช่วยทีมหมูป่า 13 คน ว่าหลักสูตรเทคนิคการดำน้ำในถ้ำ Cave Diving Technic ซึ่งมีการฝึกขั้นพื้นฐานในพื้นที่ภาคใต้ เช่น เขาหลัก ตะกั่วป่า ภูเก็ต มีชาวต่างชาติเปิดสอนอยู่ แม้จะเป็นถ้ำน้ำใส แต่ขอให้มีที่ไว้ฝึกและพัฒนาต่อได้ ไม่ได้ยาก แต่ขอให้เรารู้เทคนิคและอุปกรณ์ในสภาวะเปอร์เซ็นต์อากาศต่ำเช่นนี้จะทำอย่างไร

ส่วนการดำน้ำในถ้ำนั้นสามารถพัฒนาต่อได้ แต่จะต้องรู้จักเทคนิคก่อน โดยเฉพาะการใช้เครื่องแบบนักดำน้ำและหมอต่างชาติที่ดำน้ำเข้ามา ซึ่งเป็นวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ และพวกเราเก่งอยู่แล้ว ของไทยใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ใจถึง แต่ขาดอุปกรณ์ แล้วจึงจะพัฒนาต่อไป ต้องเสริมหลักสูตร Cave Diving Technic ที่ได้ยินจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งตรงกับที่ตนคิด ในการเสริมขั้นสูงโดยเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ทีมที่ไปทำถารกิจเจอครั้งแรก ไม่เคยไปฝึกที่ภาคใต้ งงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่รู้จะใช้อะไร แต่มีการจัดการที่ดีในการปฏิบัติ

“ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่จะทำให้เกิดการพัฒนาหลักสูตรขึ้นอีกมาก การผลิตบุคลากรด่านนี้ไม่ได้เน้นที่ปริมาณ แต่เน้นที่คุณภาพ ปัจจุบันมีผู้จบหลักสูตรดังกล่าวมาทั้งหมด 45 รุ่น แต่ที่ผ่านมาซีลไม่มีรุ่น 13 เพราะเหลือคนผ่านแค่ 7 คน ก็จะไปรวมไว้กับรุ่น 14” น.ต.ค่ายระบุ









กำลังโหลดความคิดเห็น