นายกฯ ลั่นไม่ต้องการรักษาอำนาจ หรือหวังผลประโยชน์ ย้ำตำแหน่งนายกฯ พอเพียงแล้ว ลูกเมียไม่ได้ลำบาก ไม่ได้มีธุรกิจแม้แต่บาทเดียว ท้าตรวจสอบ บอก “คนไกล” อย่ากลัว ถ้าคิดว่าคดีไม่เป็นธรรมให้กลับมาสู้ ยันจนวันนี้ยังไม่ตัดสินใจอยู่กับใคร มีสิทธิ์พูดการเมือง ก่อนมอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีฉบับย่อมอบศิลปินรุ่นเก๋า
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดยก่อนการประชุม พล.อ.ธันวาคม ทิพยจันทร์ ประธานสมาคมพันธมิตรมวยไทยโลก นำศิลปินดารา นักร้อง และอดีตนักมวยไทย 16 คน เช่น นายสมบัติ เมทะนี ศิลปินแห่งชาติ, นายรอง เค้ามูลคดี ศิลปินแห่งชาติ, นายกรุง ศรีวิไล นักแสดงและอดีตส.ส.พรรคภูมิใจไทย, นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ นักแสดงและผู้กำกับ, นางดวงใจ ไพจิตร นักร้องชื่อดัง, นายศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ ครูมวย เข้าพบนายกฯ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานกิจกรรม CSR เพื่อสังคม โดยนายกฯ ได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบของแต่ละคน พร้อมกล่าวว่าตนรู้จักทุกคนดี ติดตามผลงานอยู่เสมอ
นายกฯ กล่าวว่า วันหน้าจะเกิดอย่างไรต่อไป ตนไม่ได้ทำเพื่อวันนี้ ทำเพื่อวันหน้า แก้ไขปัญหาที่คนเดิมๆ สร้างไว้เป็นร้อยแปดปัญหา แต่ตนไม่โทษใคร รู้จักพี่ๆ ทุกคน และรู้ว่าทุกคนทำอะไรมาก่อน รู้ว่าทุกคนทำอะไรอยู่ แต่วันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงแล้ว ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง
“ไม่ใช่ผมต้องการรักษาอำนาจ ไม่ใช่ผมต้องการรักษาผลประโยชน์ ผมยืนยันด้วยผมเอง ผมไม่เคยได้ประโยชน์จากการเป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นอะไรก็ตาม แม้แต่บาทเดียว ตั้งแต่ผมเข้ามา ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นให้ไปหามา ผมจะลงโทษให้หมด เพราะนี่คือสิ่งที่ทุกคนที่เป็นรัฐบาลต้องทำแบบนี้ และผมไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว ดังนั้น ผมไม่จำเป็นต้องไปหาผลประโยชน์ เพราะผมพอเพียงแล้ว ลูกเมียผมไม่ได้ลำบากอะไร”
สิ่งที่ตนคาดหวังจากพวกพี่ๆ คือ คิดใหม่ คือการคิดโดยคนรุ่นเรา คนรุ่นกลางๆ ที่จะสามารถรักษาประเทศไทยไว้ให้ได้ด้วยอัตลักษณ์ของประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสมานฉันท์ พบปะพูดคุยกันได้ตลอดเวลา กลับไปทบทวนดูว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำให้เกิด และสาเหตุเกิดจากอะไร ความไม่เป็นธรรม หรือกฎหมายไม่ถูกต้องหรือยังไง ต้องไปคิดใคร่ครวญตรงนี้ใหม่ ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แต่อะไรก็ตามที่เป็นกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราไม่เชื่อมั่นเชื่อถืออยู่ไม่ได้ประเทศไทย
“เพราะฉะนั้น ใครก็ตามคิดว่าไม่เป็นธรรมกลับมาต่อสู้คดี ผมให้ต่อสู้คดีได้ทุกคน ไม่ต้องกลัว ใครรังแกไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องกฎหมาย ผมเคารพกฎหมาย ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องรับการตรวจสอบอะไร ผมโดนตรวจสอบทุกอัน โดนไป 400 คดีในฐานะหัวหน้า คสช.หัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าโครงการ แต่ผมไม่กลัวซักคดี เพราะผมบริสุทธิ์ใจในการทำงานของผม การใช้มาตรา 44 ผมใช้เท่าที่จำเป็น คนไม่ดีต้องถูกย้ายออกไปอย่างคนทุจริต”
นายกฯ กล่าวว่า ตนประชุมทุกวันอังคารตั้งแต่ 09.00 น. เลิกเวลา 15.00 น. ไม่มีรัฐมนตรีไหนออกนอกประชุมของตน ออกมานั่งกินกาแฟไม่ได้ แต่ก่อนมีที่ไหนแบบนี้ นั่นคือข้อเท็จจริง ประโยชน์ตกที่ใครต้องไปดูข้อเท็จจริง ตนไม่ได้มีพรรคมีพวก แต่ต้องการคนทำงานที่มีประสิทธิภาพ การที่บอกว่าทำไมต้องเอาคนนั้น ทำไมต้องมีพี่คนนี้ ทุกคนมีพี่มีเพื่อน ถ้าพี่ดีก็ทำงานไป ถ้าพี่ไม่ดีก็ลงโทษไป ตนไม่ปกป้อง
“หวังว่ารัฐบาลหน้าซึ่งใครจะเป็นก็ไม่รู้ ใครจะดูดไม่ดูด ผมไม่รู้ เพราะผมยังไม่ได้ไปอยู่กับใครสักคนเลย เพราะฉะนั้น การที่ทุกคนจะพูดเรื่องการเมืองพูดได้ทุกคน แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อยังไม่เกิดอะไรขึ้น มันจริงไหม แล้วผมถามสมัยก่อนใครก็แล้วแต่เป็นรัฐบาลทำแบบนี้ไหม” นายกฯ กล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้พูดกับนายสมบัติว่า “ทำไมพี่ เป็นรัฐบาลออกมาพูดแบบนี้ไหม ทำทุกพรรคนั่นแหละ ผมยังไม่ได้ทำด้วยตัวผมเองสักอันเลย ดังนั้นกรุณาเข้าใจตรงนี้ด้วย"
นายกฯ กล่าวว่า ตนวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมี 6 เรื่อง อย่างความมั่นคง ที่เป็นบ่อเกิดความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความมีเสถียรภาพของประเทศ คนถึงจะมาเที่ยว มาแล้วปลอดภัย ไม่มีใครรังแก ต้องการแค่นี้ ไม่ว่าจะซื้อยุทโธปกรณ์อะไรก็แล้วแต่ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เรื่องที่จะทุจริตสอบมา อย่าไปบอกว่าสอบแล้วไม่เจอเพราะเข้าข้างกัน หลายอย่างที่เอามาก็เพื่อช่วยเหลือประชาชน
“ถามว่าถ้าไม่มีเฮลิคอปเตอร์ แอมแบร์ จะยกอะไรขึ้นเขาได้ไหม ของเก่ามันก็เก่าหมดแล้ว วันหลังจะเอาพวกพี่ๆ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เก่าๆ หรือรถถังเก่าๆ ใช้มา 40 กว่าปี แล้วท่านจะไม่มีสิ่งเหล่านี้ไว้หรือ การมีความมั่นคงคือมีไว้ที่เรียกว่าเพื่อการไม่รบ ถ้าเราอ่อนแอไม่มีอะไรเลย นั่นแหละเราจะไม่มีน้ำหนักในเวทีโลก เรื่องศักยภาพเป็นเรื่องสำคัญ”
ส่วนเรื่องภาษีวันนี้คนทั้งประเทศมีคนเสียภาษีเพียง 10 ล้านคน จาก 60 กว่าล้านคน ที่เหลือคนไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเสียภาษี แล้วจะให้ทุ่มดูแล 10 ล้านคน หรือคนจนอย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่ แต่ตนไม่ได้พูดถึงเรื่องการขึ้นภาษี เรื่องนี้พูดถึงไม่ได้ เดี๋ยวมีคนหาว่ารัฐบาลตูดขาดยังอยู่ที่ 7% ที่ทำให้เราเสียรายได้ 2,590,000 ล้านบาท เป็นเงินที่ต้องไปพัฒนาท้องถิ่น ต้องโปะงบให้ 2.7 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เขาควรจะเก็บภาษีของเขาเองได้ จะไปขึ้นภาษีท้องที่ก็ไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องเอางบกลางจากคนเสียภาษี ไปให้คนที่ไม่เสียภาษี แบบนี้เป็นธรรมหรือไม่ แต่พูดไม่ได้ เพราะคนจนรังแกไม่ได้เลย นั่นคือสิ่งที่ที่ประชาธิปไตยเดิมสร้างเอาไว้ คือไม่ได้สร้างให้คนแข็งแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ พูด นายกรุงได้กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าภาษีของประชาชน ข้าราชการ ร้านค้าต่างๆ ทั้งแถวคลองถม ย่านวรจักร หรือโรงงานทุกที่ ต่างหนีภาษีทั้งหมด ไม่มีทางเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต 7% ซึ่งไม่มีใครรู้ หากว่าคนไทยทุกคนที่รับผิดชอบห้างร้านใหญ่โตเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนประเทศอื่นๆ ถนนประเทศไทยจะต้องเป็นทองคำ และแม้ว่าจะมีผู้ตรวจกฎหมาย แต่มีการคอร์รัปชันจึงไม่มีการตรวจสอบ นายกฯ กล่าวว่า ตนรู้เรื่องนี้ มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องภาษีอยู่ มีคนที่ไม่ยอมเข้าระบบภาษี ไปดูร้านเจ๊ไฝก่อนเลย พอได้มิชลินแล้วราคาสูงขึ้น พอมีเจ้าหน้าที่สรรพากรไปเฝ้า เขาก็ไม่ยอม ทั้งนี้ ให้นายกรุงยื่นเรื่องโรงงานไม่ยอมเสียภาษีได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม จริงๆ เรื่องภาษีทุกคนรู้กันหมด ประชาชนทำร้านค้า พอเริ่มขายได้เกิน 1.8 ล้านบาทก็ถอนตัวไม่สมัครร้านธงฟ้าเพราะกลัวเสียภาษี นี่ไงคือเรื่องจิตสำนึกที่หายไป ทุกคนไม่คิดที่จะเสียภาษี จึงขอฝากทุกคนคิดเรื่องนี้ด้วย
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับย่อ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ให้แก่คณะนักแสดง นักร้อง และนักมวย ทั้ง 16 คน และกล่าวว่า “เดี๋ยวไปช่วยกันดูสิ่งที่สิ่งที่ผมเขียน ส่งไปต่างประเทศทุกประเทศที่มา ไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษ ส่งให้ดู ยุทธศาสตร์ 20 ปี เราต้องสร้างความมั่นใจให้เขา สิ่งที่ทำวันนี้จะมีผลต่อไปอีก 20 ปี แต่ไม่ใช่ให้เปล่าๆ ต้องตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนี้แค่หลักการของประเทศเท่านั้น ต่อไปจะถอดเป็นแผนแม่บทออกมา ซึ่งรัฐบาลไหนจะปรับแก้ทำได้หมด แต่ต้องอยู่ในกรอบนี้ ลองไปหาคณะรัฐประหารทุกคณะมา มีการทำงานแบบนี้ไหม เพราะผมเป็นรัฐบาล และบริหารราชการแบบปกติ แต่ผมมีประเด็นของผมว่าต้องทำยังไง มีการพัฒนาตลอด ส่งให้ต่างประเทศเขาชื่นชม ไม่มีประเทศไหนในโลกทำได้แบบนี้ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา นี่คือสิ่งที่อยากให้ภูมิใจกับผม เกิดจากมันสมองโง่ๆ ที่ทำ”