ปธ.กกต.ยอมรับการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับความพร้อมของ กม.-สถานการณ์ เผยนายกฯ จะใช้อำนาจคลายล็อกบางเรื่อง ให้พรรคการเมืองประชุมและหาสมาชิก ส่วน กกต.เตรียมแบ่งเขตใน 50 วันช่วง กม.ประกาศใช้ ให้เวลาพรรคทำไพรมารีโหวต 35 วัน
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงผลการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งและการทำไพรมารีโหวตของพรรคการเมืองร่วมกับรัฐบาลเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ว่า กกต.ได้ชี้แจงถึงปัญหาที่ติดขัดของพรรคการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/60 ว่ามีเรื่องไหนที่พรรคการเมืองสามารถทำได้ก่อนระหว่างรอ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ และได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้เมื่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดย กกต.คิดว่าจะใช้เวลาในเรื่องการรับฟังความคิดเห็นซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ทำไม่ได้ แม้รัฐบาลจะมองว่าอาจเข้าข่ายเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง รัฐบาลก็จะไปพิจารณาหาวิธีการเพื่อให้ กกต.รับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองและประชาชนได้ โดยที่จะไม่มีการยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และประกาศ คสช.ที่ 57/2557
เขากล่าวว่า เมื่อได้ข้อมูลแล้ว กกต.ก็จะวินิจฉัยว่าจะเลือกใช้รูปแบบใดในแต่ละเขต รวมใช้เวลาประมาณ 50 วัน พรรคการเมืองก็จะมีข้อมูลในส่วนนี้เพื่อไปทำเรื่องไพรมารีโหวตที่คาดว่าพรรคจะมีเวลา 35 วัน คิดว่าพรรคที่มีความพร้อมและมีศักยภาพจะสามารถทำได้ รวมแล้วจะใช้เวลา 85 วัน จะเหลือ 5 วันก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลเรื่องที่พรรคจะไปแย่งกันหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน เพื่อทำไพรมารีโหวต เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศมีประมาณ 45 ล้านคน ถ้าพรรคการเมืองจะมาคิดเรื่องแย่งสมาชิกก็เป็นความคิดที่สุดโต่ง ดังนั้นพรรคต้องสร้างความศรัทธาให้ประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิก ขณะที่ประชาชนต้องเห็นความสำคัญของการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
ประธาน กกต.กล่าวอีกว่า ในส่วนของคำสั่ง 53 ทางรัฐบาลจะมีการแก้ไขให้พรรคทำในบางเรื่อง เช่น จัดประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค ประกาศอุดมการณ์ จัดหาสมาชิก เพราะปัจจุบันองค์ประกอบของการประชุมที่มีอยู่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งได้มีการขอให้ไม่ต้องใช้หัวหน้าสาขาพรรคมาเป็นองค์ประชุม ซึ่งทางกฤษฎีกาจะไปดูรายละเอียดเหล่านี้และยกร่างการแก้ไขคำสั่งดังกล่าวเสนอรัฐบาล และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็จะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับนายกฯ และ คสช. ส่วนจะมีการแก้ไขเมื่อไหร่อย่างไรก็เป็นอำนาจของ คสช. ซึ่งนายวิษณุก็ได้ระบุแล้วว่ามีแนวทาง คือ ออกเป็น พ.ร.ก., พ.ร.บ. และใช้มาตรา 44
นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ในการหารือการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดแมป ไม่เลื่อน แต่อาจจะมีการขยับปรับเปลี่ยนบ้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนจะเกิดการเลือกตั้งอะไรก่อนก็ขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายใดมีผลบังคับใช้ก่อน โดยในที่ประชุมก็ได้มีการซักถามถึงความคืบหน้าของกฎหมายแต่ละฉบับ ซึ่งกฎหมาย ส.ส.และส.ว.อยู่ระหว่างนายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนกฎหมายท้องถิ่นณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และจะนำเสนอให้ สนช.พิจารณา ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า สนช.จะใช้เวลาพิจารณา 60-90 วัน เนื่องจากจะมีกฎหมายของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าพิจารณาด้วยรวม 6 ฉบับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ กกต.ได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบว่าหากจะมีการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรจะเว้นระยะห่างกันประมาณ 3 เดือน เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นมีเรื่องร้องเรียนมาก และกำลังคนของ กกต.ก็มีจำกัด