หน.พลังธรรมใหม่ ชี้ รบ.คสช. ใช้งบเกินดุลกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ใช้ผิดเป้าทำคนไทยไร้ความสุข วอนเลิกใช้งบเกินดุลหวั่นเพิ่มหนี้ต่อหัวพุ่งขึ้น
วันนี้ (10 มิ.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ว่า ในช่วง 4 ปี ตั้งแต่ 2557 - 2561 ที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ พบว่า มีการใช้งบเกินดุลใน 4 ปี นี้ถึง 1.79 ล้านล้านบาท ภายใต้หลักการใช้งบรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน โดยโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาล ผลที่ได้พบว่า GDP ของประเทศสูงขึ้น แต่ความสุขของคนไทยกลับลดลง ราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ เกิดภาวะเงินฝืด กำลังซื้อประชาชนลดลง การค้าของกลุ่ม SME ตกต่ำ ประชาชนลำบากทั้งประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า แนวทางการใช้งบประมาณผิดเป้าหมาย ก่อให้เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย
นพ.ระวี กล่าวว่า ยุคนี้การบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ผลดี ต้องดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ให้สมดุลทั้ง 3 ภาคส่วน คือ เศรษฐกิจภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สำหรับงบประมาณปี 2562 ที่เป็นเงินถึง 3 ล้านล้านบาท แต่มีการตั้งงบเกินดุลอีก 4 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนทิศทางการแก้ไขปัญหาเลย ผมจึงเสนอให้ท่านนายกรัฐมตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ทบทวน และปรับแนวทางในการใช้งบประมาณใหม่ โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรากหญ้าเป็นหลัก
“ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนแนวทาง และยังคงใช้แนวทางเดิมๆ ผมขอเป็นตัวแทนคนไทยผู้ใช้ภาษีจากทั่วประเทศ เสนอว่า อย่าใช้งบเกินดุลอีกเลย บอกตรงๆ ว่า รู้สึกเสียดายงบของประเทศจำนวนมาก ที่ถูกใช้ไปอย่างไม่คุ้มค่า นอกจากเศรษฐกิจภาคประชาชนไม่ฟื้นแล้ว หนี้สินของคนไทยทุกคนที่ในปี 2557 อยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนบาทต่อคน ใน 5 ปีนี้ (2557 - 2562) รัฐบาลใช้งบเกินดุล 2.24 ล้านล้านบาท น่าจะส่งผลให้หนี้ของคนไทย เพิ่มขึ้นกว่า 1.7 แสนบาทต่อคน แน่นอน”