น่าน - ชาวสวนมะม่วงเมืองน่าน เดือดร้อนหนัก ผลผลิตล้นตลาด-ราคาตกต่ำ หน่วยทหารต้องระดมพล ทั้งชิม-ซื้อ-แจก พร้อมเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนคนกินมะม่วงช่วยเกษตรกร เตรียมหาแนวทางแปรรูป
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนมะม่วง ต.ป่ากลาง อ.ปัว จ.น่าน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้เบอร์ 4 และพิมเสน ปีนี้มีผลผลิตมากกว่า 1 พันตัน จนล้นตลาดและราคาตกต่ำ เหลือเพียงกิโลกรัมละ 5-6 บาท จนต้องเร่งเก็บขายก่อนที่จะเน่าเสียหาย
ขณะที่ พล.ต.ธวัช ศรีสว่าง ผู้บัญชาการ มทบ.38 พร้อมด้วยหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดน่าน ทั้ง ฉก.ทพ.32, กองพันทหารม้าที่ 10 และ 15, นพค.31 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้ร่วมกันช่วยซื้อผลผลิตมะม่วง ของเกษตรกรชาวสวนมะม่วง ต.ป่ากลาง ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท จำนวน 3,000 กิโลกรัม นำไปแจกจ่ายให้แก่กำลังพล เพื่อช่วยชาวสวนมะม่วงระบายผลผลิตก่อนเน่าเสีย
พล.ต.ธวัชบอกว่า ขณะนี้มะม่วงในหลายจังหวัดของภาคเหนือกำลังล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 จึงได้มอบนโยบายให้กำลังพลหาทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังเตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษา ร่วมหาทางแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของจังหวัดน่าน ทั้งมะม่วง ลำไย ลิ้นจี่ เพื่อในอนาคตจะได้ใช้เป็นแนวทางการส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถแปรรูปและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตการเกษตรได้
ส่วนผลผลิตมะม่วงที่คาดว่าจะยังมีเพิ่มมากขึ้นในอีกช่วงสองสัปดาห์นี้ก็ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนน่าน และนักท่องเที่ยว ช่วยกันอุดหนุนซื้อมะม่วง ช่วยกันกินและซื้อเป็นของฝากเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ด้านนายภาคภูมิ พรมสาร เกษตรอำเภอปัว เปิดเผยว่า ปีนี้เฉพาะอำเภอปัวซึ่งมีเกษตรกรชาวสวนมะม่วง 1,200 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 1,500 ไร่ จะมีผลผลิตมะม่วง ทั้งพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้เบอร์ 4 พิมเสน และเขียวใหญ่ มากถึงกว่า 1 ล้านกิโลกรัม หรือ 1,000 ตัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วเกินกว่าเท่าตัว โดยปีที่แล้วสามารถขายได้ในราคากิโลกรัมละ 22-23 บาท แต่ปีนี้ราคาตกต่ำเหลือ 5-6 บาทเท่านั้น ซึ่งปัญหาราคามะม่วงตกต่ำ นอกจากพื้นที่อำเภอปัวแล้วยังมีพื้นที่ภูเพียง และเวียงสาด้วย
สำหรับแนวทางแก้ไขจะต้องให้เกษตรกรรวมตัวกันให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 ราย หรือรวมพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ ก็สามารถเข้าสู่ระบบเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายรัฐบาลได้ ข้อดีคือได้ใบรับรองมาตรฐาน หรือ GAP มีการใช้เทคโนโลยีเกษตรประณีต เพื่อให้ผลผลิตมะม่วงได้มาตรฐานและส่งออก ซึ่งมะม่วงน้ำดอกไม้ สามารถส่งออกขายทั้งในกรุงเทพฯ ญี่ปุ่น และเกาหลี ได้ถึงกิโลกรัมละ 25-40 บาท