xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” แนะ 7 ข้อแก้น้ำมันแพง บทพิสูจน์รัฐฯ ไม่ได้เอื้อกลุ่มทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร เสนอรัฐบาลแก้ไข 7 ข้อ ปฏิรูปราคาน้ำมัน เชื่อทำได้ประชาชนจะศรัทธาว่ารัฐเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนมากกว่ากลุ่มทุน

เมื่อเวลา 23.49 น.วานนี้ (31 พ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล ในหัวข้อ “ข้อเสนอต่อรัฐบาลในการปฏิรูปราคาน้ำมันที่เป็นธรรมต่อประชาชน” ดังนี้

“1) ให้รัฐบาลยกเลิกการใช้ราคาเสมือนนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ ทั้งที่เป็นน้ำมันที่กลั่นในประเทศ และกำหนดให้น้ำมันหน้าโรงกลั่นใช้ราคาส่งออกเท่ากับที่โรงกลั่นส่งขายสิงค์โปร์ซึ่งมีราคาต่ำกว่าที่ขายคนไทยประมาณ 2 บาท/ลิตร

2) ให้รัฐบาลปรับปรุงราคาเอทานอลซึ่งผลิตในประเทศ แต่มีราคาสูงเกินราคาตลาดโลก ควรกำหนดราคาเอทานอลโดยเทียบกับค่าความร้อนของเอทานอลที่ต่ำกว่าเบนซินประมาณ 30% ดังนั้น ราคาเอทานอลจึงควรมีราคาต่ำกว่าเบนซินโดยเปรียบเทียบ 20-30% โดยอ้างอิงราคาในต่างประเทศที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างราคา 12-15 บาท

เมื่อมีการปรับปรุงราคาเอทานอลที่กลั่นในประเทศให้มีประสิทธิภาพด้านราคาแล้ว จะทำให้น้ำมันที่ผสมเอทานอลชนิดต่างๆ มีราคาถูกกว่าเบนซินโดยไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันมาชดเชย

3) ปริมาณน้ำมันที่คนไทยใช้ต่อวันประมาณ 100 ล้านลิตร ค่าการตลาดลิตรละ 1.50 บาท ก็เป็นสัดส่วนที่เหมาะสม ส่วนดีเซลที่มีปริมาณการใช้มากถึงวันละประมาณ 60-80 ล้านลิตร ควรมีค่าการตลาดเพียง 1.25 บาท/ลิตร โดยผู้ขายส่งได้ส่วนแบ่งค่าการตลาด 25 สตางค์/ลิตร ที่เหลือควรเป็นของปั๊มขายปลีก

4) ควรยกเลิกกองทุนน้ำมันที่ไม่มีกฎหมายรองรับในการเก็บเงินจากประชาชน เมื่อไม่ต้องชดเชยน้ำมันที่ผสมเอทานอลราคาแพงเกินจริงแล้ว กองทุนน้ำมันก็แทบจะไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ชดเชยอะไร

รัฐบาลควรบริหารความเหมาะสมของราคาน้ำมันผ่านการเก็บภาษีโดยไม่ต้องชดเชย

5) รัฐบาลควรปรับปรุงภาษีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากน้ำมันเป็นสินค้าจำเป็น ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย และราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนทางตรงของการผลิต จึงไม่ควรมีราคาสูงเกินไป อันที่จริงไม่ควรมีภาษีสรรพสามิต เพราะน้ำมันเป็นสินค้าจำเป็น ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่ถ้ารัฐบาลเห็นว่ายังต้องการเก็บเพื่อเป็นรายได้ของรัฐก็ควรเก็บแบบยืดหยุ่น เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทีราคาต่ำ รัฐบาลอาจเก็บภาษีสรรพสามิตมากขึ้นในอัตราที่ประชาชนไม่เดือดร้อน เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลควรลดอัตราการเก็บภาษีสรรพสามิตลง เป็นการลดราคาน้ำมันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

6) กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บบนฐานของน้ำมันที่บวกภาษีสรรพสามิต และบวกกองทุนทั้ง 2 กองทุนแล้ว เป็นวิธีเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อนและไม่เป็นธรรม รัฐบาลควรปรับปรุงโดยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มบนฐานราคาน้ำมันเท่านั้น

7) ควรยกเลิกการเก็บเงินของกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และประเมินประสิทธิผลของกองทุนนี้ว่าควรมีต่อไปหรือไม่

โดยที่ปัจจุบันกองทุนนี้มีเงินสะสมอยู่ถึง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีอยู่มากเกินความจำเป็น จึงควรหยุดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปก่อน จะช่วยลดภาระค่าน้ำมันลงได้อีกมาก

หากรัฐบาล คสช.แก้ไขตามข้อเสนอนี้ ก็จะเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปกิจการด้านพลังงาน ซึ่งเป็นกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

รัฐบาลสมควรดำเนินการโดยเร่งด่วนในขณะที่เศรษฐกิจรากหญ้ากำลังฝืดเคือง และเชื่อว่าการดำเนินการเช่นนี้ ย่อมทำให้รัฐบาลได้รับความศรัทธาจากประชาชนว่ารัฐบาลมิได้ทำเพียงเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนเท่านั้น แต่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น