ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อยากได้ต้องได้!! นโยบายพลังงานมั่นคง เอื้อ “เสือคลองหลอด”มั่งคั่ง ทั้งนโยบายรัฐซื้อไฟฟ้าทางเลือกเฉพาะ “ขยะชุมชน” ที่ทำเอาค่ามัดจำขยะท้องถิ่นพุ่งปรึ๊ด ตามติดมาด้วยไฟฟ้าชีวมวลชายแดนใต้ ที่เคยเปิดรับซื้อแค่ 36 เมกะวัตต์ จู่ๆ ตีโป่งเป็น 300 เมกะวัตต์ หน้าตาเฉย
สับสนไม่น้อย .. กับนโยบายหยุดรับซื้อไฟฟ้าจาก “พลังงานทดแทน”อย่างน้อยๆ อีก 5 ปี ของ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน .. ทั้งการ “เว้นที่”ให้กับการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการการจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าของ "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" (อปท.) ในความรับผิดชอบของ กระทรวงมหาดไทย .. แล้วจะมาตู่ว่า “อัฐยายซื้อขนมยาย”หรือ “รัฐซื้อของรัฐ” ก็ไม่ถูกซะทีเดียว อย่างไรเสียก็ต้องเสีย “ค่า ADDER” อยู่ดี .. โดยอ้างว่าเป็นโปรเจกต์สร้างความมั่นคงให้กับชุมชน จนทำให้ตอนนี้ หลายพื้นที่ “ขยะมีค่าเป็นทอง” .. ขนาดยังไม่ลงเสาเข็มโรงไฟฟ้า แต่เฉพาะ “ค่ามัดจำ” ในการรับซื้อขยะถีบตัวไปถึง 40-50 ล้านบาทเข้าให้แล้ว .. ตรงนี้เป็น “เงินกินเปล่า” ต้องจ่ายกันล่วงหน้าให้กับ “เจ้าของขยะ” ใน ท้องถิ่น เป็นใครเดาไม่ยาก ไม่สนว่าโรงไฟฟ้าจะสร้างได้ไม่ได้ด้วยซ้ำ .. และไม่กี่วันก่อนเพิ่งเห็น “รมต.ศิริ” บุกไปเยือนถึง “กระทรวงคลองหลอด” นั่งหัวโต๊ะร่วมกับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่น เกี่ยวกับการณการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติม .. ไม่ใช่แค่เว้นให้กับ “ไฟฟ้าขยะ”เท่านั้น “ไฟฟ้าชีวมวล”ที่พะยี่ห้อ “กระทรวงคลองหลอด” ก็รับเหมือนกัน .. ทำเอาเอกชนที่ลงทุนกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ก็ได้แต่ค้อนขวับ อ่านกันได้ว่า นโยบายเว้นวรรค 5 ปี เคลียร์พื้นที่ให้ “มหาดไทย” กินรวบอย่างไรอย่างนั้น ..
แว่วว่า วันเดียวกันนั้น มีวงประชุมหลังไมค์ เกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจาก อปท.ให้ได้ 300 - 500 เมกะวัตต์อะไรนี่แหละ .. ก่อนจะมาเฉลยจาก มติ ครม. ที่อนุมัติงบ 1,555 ล้านบาท ให้บริษัทในเครือ กฟผ.ร่วมทุนกับเอกชน ทำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ .. อันนี้เป็นเฟสแรกเท่านั้น รวมๆ แค่ราว 15-16 เมกะวัตต์ เพราะยอดรวมที่เคยอนุมัติกันไว้สูงถึง 300 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ .. ฟังดูไม่แปลกอะไร เป็นการดำเนินการตามนโยบายที่วางเอาไว้ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในพื้นที่ .. ทว่าเมื่อย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของโครงการ ก็พบว่า มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 13 ส.ค.58 กำหนดเป้าการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไว้เพียงแค่ 36 เมกะวัตต์ .. แต่เวลาผ่านไปกลับถูก “ตีโป่ง”ขึ้นมาเป็น 300 เมกะวัตต์ อย่างที่ว่า เห็นว่าเพราะมีผู้เสนอขายไฟฟ้าสูงถึง 547 เมกะวัตต์ .. แบบนี้มันทะแม่งๆ มีอย่างที่ไหน เปิดรับซื้อแค่ 36 เมกฯ มีคนยื่น 547 เมกฯ เข้าใจว่าผ่านการพิจารณาราว 224 เมกฯ แต่แปลกซ้ำไปอีกว่า รัฐใจดี ขยายให้เป็น 300 เมกฯหน้าตาเฉย .. ถือเป็นการล้มล้างหลักเศรษฐศาสตร์แบบราบคาบ ซัพพลายล้นเกินดีมานด์เยอะ แต่ก็ยังอุ้มเอาไว้หมด .. คล้ายกับว่ามี “ไอ้โม่ง” ที่ไหนไปสัญญิงสัญญาไว้กับภาคเอกชน หรือไม่อย่างไร อาจจะมีกลิ่นตุๆ “เมกฯละล้าน” เหมือนสมัย “รัฐบาลเลือกตั้ง” หรือเปล่า .. แถมเจ้าภาพงานนี้ก็ไม่ใช่ใคร เป็น กระทรวงมหาดไทย ในนาม บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) บริษัทลูก ของ กฟภ.เช่นกัน .. ดูท่านโยบายความมั่นคงทางพลังงาน จะเอื้อ “ความมั่งคั่ง”ให้กับ “เสือคลองหลอด” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู.
** กองหนุนมาแล้ว!! “ลุงป้อม”ชู “น้องตู่” 4 ปี ผลงานไม่มีที่ติ “ไพบูลย์” โผล่ขอตั้งพรรคแล้ว โอ่ท่านผู้นำซื่อสัตย์ไร้ข้อครหา เปลี่ยนมุก “นายกฯคนนอก” เป็น “นายกฯคนกลาง” น้อยหน้าไม่ได้ “เทพเทือก”ขยี้ปมปฏิรูปสำเร็จแน่ พูดสวนความเป็นจริง น่าจะทำ “ลุงตู่” เสียแต้มมากกว่า
ราวกับนัดกันมา .. แค่วันเดียว “ติ่งลุงตู่”ออกมายืดเส้นยืดสายกันแบบพร้อมเพรียง ..เปิดหัวด้วยกองหนุนตลอดชาติ อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ต่อยอดผล “นิด้าโพล” ที่ระบุว่าคนส่วนใหญ่โหวต “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อ .. “ลุงป้อม” ได้ทีก็เลยออกปากชม “น้องรัก” ว่า 4 ปีที่ผ่าน ผลงานยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ พร้อมสนับสนุนตลอดอยู่แล้ว .. ตามติดมาด้วย ไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ไปยื่นจดแจ้งตั้งพรรคกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) .. ก่อนยึดฟลอร์ให้สัมภาษณ์คล้าย “แผ่นเสียงตกร่อง”ชม “นายกฯประยุทธ์” ไม่ขาดปาก ซื่อสัตย์ ไม่มีข้อครหาใดๆ .. จะต่างจากครั้งก่อนหน่อยก็ตรงที่ ชูให้ “ลุงตู่”เหมาะเป็น “นายกฯคนกลาง” จากเดิมที่เคยพูดเรื่อง “นายกฯคนนอก”มาตลอด .. เหมือนจับกระแสว่า งวดนี้ “ลุงตู่” คงเลือกเป็น “นายกฯคนใน” แน่แล้ว มุกที่เคยเร่ขาย ขอเป็นผู้เสนอชื่อ “ลุงตู่”ก็เลยท่าจะแป้ก .. พีกสุด ต้องรายนี้ “เดอะเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าที่แกนนำพรรคมวลมหาประชาชน ที่ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กอวย “ลุงตู่” ไม่เลิก แม้จะขัดแย้งกับความเป็นจริงก็ตาม .. ยัง “หน้ามืด” แสดงความเชื่อมั่นว่า หัวหน้า คสช. จะปฏิรูปประเทศได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่เชื่อว่าจะเสียของ-เสียเวลา .. เรื่องสำคัญที่ตัวเองเคยแผดเสียก้องแผ่นดิน ปฏิรูปตำรวจ ที่ 4 ปีผ่านก็ยังไร้ความคืบหน้า .. “เดอะเทือก” ถึงกับหยิบเอาหมายที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และประธานกรรมาธิการ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ โผล่ไปเยี่ยมโรงพักที่ระยอง .. พูดเป็นวรรคเป็นเวรว่า เป็นผลงานอันเอกอุ นิมิตหมายอันดี ที่การปฏิรูปตำรวจจะสำเร็จซะงั้น .. หวังดี หวังร้าย ไม่รู้ แต่เชื่อเถอะคำพูด “เทพเทือก” กลายเป็นไร้ราคาไปแล้ว ยิ่งมาขยี้ปมปฏิรูป ที่ไม่คืบหน้า แบบนี้น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ “ท่านผู้นำ” ดูแย่ลงมากกว่านะ .. “ลุงตู่” คงคิดกองหนุนประเภทนี้หายหน้าหายตาไปเลย จะดีกว่า.
** มันก็คือๆ กัน !! ครม.ตีกลับงบสภาใหม่ 8 พันกว่าล้าน “ลุงตู่” รับไม่ได้ นาฬิกา-ไมโครโฟนแพงหูฉี่ แฉ “โคตรนาฬิกา” ราคา 7 หมื่น ไม่ต่างสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่ คสช.ไล่ปลด “บิ๊กรัฐสภา” ไปหลายคน แบบนี้เบรกไม่พอ ต้องไล่เบี้ย “ไอ้โม่ง” ใน “สภาคนดี” ชงงบฯ แบบเจตนาไม่ซื่อแบบนี้
เจตนาไม่ค่อยดี .. มติ ครม.ที่อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แค่ 512.50 ล้านบาท จากที่ขอมาทั้งหมด 8 พันกว่าล้านบาท .. งานนี้ “บิ๊กไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ไม่พลาด จุดประเด็นโชว์ความโปร่งใสของรัฐบาล .. โดยระบุว่า ครม.ไม่อนุมัติ งบที่รัฐสภาขอมา 8,135.56 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีรายละเอียดชัดเจน .. ยกตัวอย่างด้วยว่า อุปกรณ์-เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศบางชิ้น มีราคาแพงเกินไป .. บอกด้วยว่า “ท่านนายกฯ” รับไม่ได้กับ ไมโครโฟน 1.2 แสนบาท นาฬิกา 7 หมื่นบาท เลยตะเพิดให้ไปทำเรื่องมาใหม่ .. จริงๆ ราคานาฬิกาแขวนผนังเรือนละ 7 หมื่นบาท ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดขึ้นแล้วสมัย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ..กับ "โคตรนาฬิกาสภาฯ" ที่จัดซื้อ 200 กว่าเรือน รวมงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 75,000 บาทต่อเรือน .. พอ คสช.เข้ามา ก็ยกเป็นเหตุผลในการปลด “บิ๊กรัฐสภา” ไปนั่งตบยุงหลายราย .. ตรงนี้ต้องชมที่ “ครม.ลุงตู่” ไม่ไหลตามน้ำ สั่งเบรกเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่า พอเรื่องซาแล้วจะยัดเข้ามาใหม่ .. ที่ปล่อยผ่านไม่ได้ก็ สมมติฐานที่ว่า “โคตรนาฬิกา” ราคาพอๆ กันกับที่เคยถูกกล่าวหาว่าโกงในสมัย “รัฐสภาเลือกตั้ง” ถึงถูกเสนอกลับมาโดย “สภาคนดี”ที่มี พรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธาน จนอาจพูดได้ว่าแบบนี้ “มันก็คือๆ กัน” .. ยังไม่รวมกับงบรัฐสภาใหม่ หลายรายการ ที่ถูกเปิดโปงให้เห็นความไม่ชอบมาพากล .. สั่งให้ทบทวนใหม่ไม่พอ ต้องไล่เบี้ยให้ถึงกึ๋นว่า “ไอ้โม่ง” ที่ชงงบฯ มาแบบ “เจตนาไม่ซื่อ”นี่มันเป็นใครด้วย.
ช.ชฎา