เมืองไทย 360 องศา
เห็นประจักษ์สายตากันไปแล้วกับจำนวนมวลชนที่มาต้อนรับกันร่วมสองสามหมื่นคนในสนามช้าง อารีน่า บุรีรัมย์ โดยสองคนผัวเมีย เนวิน ชิดชอบ กับ กรุณา ชิดชอบ นำเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อตอนบ่ายวันที่ 7 พฤษภาคม
แน่นอนว่า ภาพที่ปรากฏไม่ว่ามองในมุมไหน มันก็เป็นเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน แม้ว่าทุกคนจะปฏิเสธคอเป็นเอ็นก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าชาวบ้านไม่ได้กินแกลบคงจะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
ดังนั้น หากพิจารณากันตามความจริง การเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จังหวัดสุรินทร์ และ บุรีรัมย์ วันที่ 7 - 8 พฤษภาคม นี้ ย่อมมีกลิ่นไอทางการเมืองค่อนข้างมาก หนึ่งในนั่นก็คือ เรื่องของ “พลังดูด” ที่เวลานี้มีเสียงโวยวายออกมาจากพวกนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะจากสองพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเวลานี้มีอดีต ส.ส. ของพรรคหลายคนเริ่มไหลออก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าพิจารณากัน ก็คือ จากผลสำรวจที่เพิ่งออกมาล่าสุดเมื่อสองสามวันก่อน กลับพบว่าชาวบ้านรู้สึก “เฉยๆ” กับเรื่องของการดูด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของพวกนักการเมืองที่เข้าออกพรรคโน้นพรรคนี้ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และแน่อนว่า ในสายตาชาวบ้านก็มองแบบไร้ราคาเช่นเดียวกัน ทำนองว่าจะทำอะไรก็ทำเถอะตามสบายประมาณนั้น
เมื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศยามนี้ ที่เสียงโวยวายล้วนมาจากพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบ และเสียงปฏิเสธมาจากฝ่ายรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเฉพาะเสียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อ้างว่าไม่ได้บังคับให้เขามา เป็นความสมัครใจไม่ได้บังคับ และย้ำให้ฟังอย่างอหังการ ว่า “เป็นคนเนื้อหอมมีแต่คนรุมตอม”
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ไม่จำเป็นต้องพูดย้อนหลังกลับไปในอดีต ว่า มีใครถูกดูดหรือใครย้ายพรรคไปอยู่ไหนกันบ้าง แต่เอาเป็นว่าเวลานี้สำหรับคอการเมืองกำลังจับตามองไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังนำคณะรัฐมนตรีไปประชุมคณะรัฐมนตรีที่นั่นในวันที่ 7 - 8 พฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะได้เห็นความเคลื่อนไหวของ เนวิน ชิดชอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย และแน่นอนว่า ร้อยทั้งร้อยก็ต้องมองว่ามันต้องเกี่ยวข้องทางการเมืองแน่นอน มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เป็นอันขาด
ยิ่งการที่มีการระดมมวลชนมารอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในสนามช้าง อารีนา ดังกล่าวข้างต้น ลงทุนออกแรงเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ย่อมไม่ธรรมดา
จะเรียกว่า “ดูด” หรือการเป็น “พันธมิตร” ทางการเมืองระหว่างกัน มันก็คือความหมายเดียวกัน หากพิจารณาจากเงื่อนไขและกลไกทางรัฐธรรมนูญ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าพรรคขนาดใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นั่นคือ โอกาสที่จะเกิดรัฐบาลผสมมากที่สุด มากกว่าจะมีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ของ ทักษิณ ชินวัตร หรือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ขณะเดียวกัน ด้วยศักยภาพของพรรคภูมิใจไทย ที่เติบโตในถิ่นอีสานใต้ หรือแม้แต่ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ เนวิน ชิดชอบ สร้างฐานเอาไว้นานแล้ว มันก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเป็นพรรคขนาดกลางที่ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. กำลังต้องการกำลังสนับสนุน เพราะพรรคภูมิใจไทยก็จะเป็นหนึ่งในหลายพรรคที่ถูกดึงมาสนับสนุน
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในด้านแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง ก็เชื่อว่า จะได้รับไปเต็มๆในรูปแบบของงบพัฒนาจังหวัด หรือรูปแบบของโครงการสำคัญ ทั้งในด้านขนส่งลอจิสติกส์ที่ต้องผ่านบุรีรัมย์ และ สุรินทร์ อย่างแน่นอน อีกทั้งจะอำนวยความสะดวกต่อยอดผลประโยชน์การลงทุนทางธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือ การแข่งขันจักรยานต์ทางเรียบโมโตจีพีที่จะเริ่มประลองความเร็วในต้นเดือนตุลาคม ที่สนามช้างอารีน่านี่แหละ มันก็จะมาในแบบวินวินกันทุกฝ่าย
ดังนั้น หากจะสรุปกันในที่นี้การเดินทางมาสนามช้างอารีน่า ที่บุรีรัมย์ โดยมี เนวิน ชิดชอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล คอยสนับสนุนต้อนรับ มันจะมองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากมายืนยันการสนับสนุนชูมือให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันข้างหน้าหลังการเลือกตั้ง นั่นคือ พรรคภูมิใจไทยจะเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่สนับสนุน อีกทั้งคำพูดแบบนักเลือกตั้งของ “ลุงตู่”ดังลั่นอย่างมั่นใจว่า “ใครอยากอยู่ต่างประเทศก็ให้อยู่ไป” ซึ่งใครคนนั้นก็ต้องหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ และในความหมายซ้อน ก็คือ พรรคเพื่อไทย ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านแน่นอน!!
