ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดูกันต่อไป!! ปม “บ้านป่าแหว่ง”ยังไม่สะเด็ดน้ำ รัฐบาลให้คำมั่น“ไม่ให้เข้าอยู่อาศัย”พร้อมฟื้นผืนป่าทันที แต่ยัง “กั๊ก”เรื่อง “45บ้านพัก- 9 อาคารที่พัก”ที่ต้อง “รื้อเท่านั้น”มิเช่นนั้นจะกลายเป็น “ระเบิดเวลา”สุ่มเสี่ยงดินสไลด์ และต้องไม่ลืมเอาผิดตัวการ-ไล่เบี้ย ค่าเสียหายด้วย
ถือว่าพอรับได้ .. ข้อสรุปที่ได้จากวงสนทนาระหว่าง “รมต.โก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกฯ ในฐานะตัวแทนรัฐบาล กับภาคประชาชน ในนาม“เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”..โดยเฉพาะคำมั่นที่ว่า “จะไม่มีการเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่”ซึ่ง “สุวพันธุ์”อ้างว่าเป็นนโยบายตรงจาก “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา .. ดับฝันของ “ผู้พิพากษาบางคน”ที่เคยขอทดลองเข้าอยู่ก่อน 10 ปีทันที .. โดย “ฝ่ายศาล” ต้องคืนพื้นที่ให้ “กรมธนารักษ์” ทำการรังวัดพื้นที่ยึดแนว ก่อนแบ่งในส่วนพื้นที่สำนักงานศาลด้านล่างให้ใช้ประโยชน์ต่อไปได้ .. นโยบายอีกเรื่องคือ การฟื้นฟูต้นไม้-ปลุกป่า ที่สั่งการว่าให้ “ทำทันที” นัดคิกออฟกันในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ อันนี้ก็ตรงใจประชาชน .. ทว่ายังมันก็ “ย้อนแย้ง” กับท่าทีของรัฐบาลยัง “กั๊ก”ในเรื่อง “บ้านพัก 45 หลัง-อาคารที่พัก 9 หลัง”ที่อยู่ในพื้นที่ “ป่าแหว่ง” แทงดอยสุเทพจนอุจาดตานั่นแหละ .. ด้วยข้อเสนอของภาคประชาชน ยืนยันว่าต้อง “รื้อเท่านั้น” ทว่ารัฐบาลขอ“ซื้อเวลา” อีกเฮือก โดยการตั้งคณะกรรมการมาร่วม เพื่อพิจารณาสิ่งปลูกสร้าง และดำเนินการต่อ “โดยไม่มีการกำหนดเดดไลน์” .. หากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่อง “บ้านพัก 45 หลัง-อาคารที่พัก 9 หลัง” ก็ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นผืนป่าให้สมบูรณ์ ด้วยมี “ถาวรวัตถุ”ตั้งตระหง่านอยู่ ..
นอกเหนือจากจะกลายเป็น “แผลเป็น”ของผืนป่าดอยสุเทพแล้ว ยังมีข้อห่วงใยจาก “เครือข่ายวิศวกรรักษ์ป่า” .. ที่ระบุว่า“บ้านพัก 45 หลัง-อาคารที่พัก 9 หลัง” เหมือนเป็น “ระเบิดเวลา”จากความเสี่ยงของพื้นที่ที่ลาดชันสูง อาจทำให้ “น้ำหลาก-ดินสไลด์”เมื่อใดก็ได้ .. ด้วยความเสี่ยงดังกล่าว “บ้านพัก” ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ก็อาจจะก่อให้เกิดเสียหายต่อผืนป่าที่กำลังจะพลิกฟื้นกันมากขึ้นไปอีก .. จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี หากรัฐบาลยังเลือกกลยุทธ์ “ซื้อเวลา” เผื่อว่าจะไม่ต้องมีการทุบทำลายในส่วนของบ้านพัก .. อีกทั้ง “นายกฯตู่” ก็มีอำนาจเต็มมือ เหนือกว่ากฎหมายใดๆ อยู่ รวมทั้งกระแสสังคมเปิดไฟเขียว .. เรื่องนี้ควรที่จะ “ตั้งธง” ในการทุบทำลาย หรือย้ายสิ่งปลูกสร้าง ออกจากพื้นที่ให้หมดโดยเร็วมากกว่า .. พ่วงด้วยการเอาผิดกับ “ผู้เกี่ยวข้อง” ทั้งในเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่ การยัดเยียดสถานะ “ป่าเสื่อมโทรม” ให้กับผืนป่าที่สมบูรณ์เขียวขจี อีกทั้งการพิจารณาใช้พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อการพักอาศัยอีก .. ความไม่ชอบมาพากลทั้งหลายนี้ เอาผิดตัวการ-ไล่เบี้ยค่าเสียหายได้เป็นหางว่าว อยู่ที่จะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง .. คิดให้ดีการ “ถอย” ของรัฐบาล ก็เท่ากับยอมรับว่า โครงการนี้มีความผิดปกติ แล้วความผิดปกติที่ว่า ก็ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นก็ไม่ควรปล่อยให้สูญเสีย “ ภาษีประชาชน” ไปเปล่าๆ ปลี้ๆ.
** โกงแล้วได้ดีมีถมไป!! พม. เฉียบ ฟัน “ปลัด-รองปลัด พม.”พ่วง 9 ขรก. “ผิดวินัยร้ายแรง” โกงผู้ยากไร้ แต่ “นภา เศรษฐกร” อธิบดี พส. อวยตำแหน่ง “มือปลอมลายเซ็น” จากลูกจ้างชั่วคราว เป็นพนักงานราชการเฉย ย้อนคำสั่งทะแม่งๆ ดูมีไมตรีจิตกับ “ทีมขอนแก่น” เป็นพิเศษ
ยังคงกัดไม่ปล่อย .. แฟนเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” กับกรณีการทุจริตโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ .. ที่ถึงเวลานี้ ก้าวข้ามเรื่องโกง ไม่โกงไปแล้ว ด้วยการตรวจสอบพบการทุจริตระเบิดระเบ้อทั่วประเทศ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ “ป.ป.ท.” กำลังลุยตรวจสอบอย่างเมามัน .. ตลอดจนการให้“พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ - ณรงค์ คงคำ” ปลัด-รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว ก็เพิ่งถูกชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ร่วมกับข้าราชการอีก 9 คน ถือเป็นข้อยืนยันว่าทำกันเป็น “ขบวนการ” ..การสอบสวนต่างๆดูจะเป็น “ทิศทางเดียวกัน” ไปทั้งหมด ทว่ามันมีเรื่อง “ทะแม่งๆ” ภายใน “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ” หรือ “พส.” ในฐานะเจ้าของโปรเจกต์ฉาว .. เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมา หลายคำสั่งที่เซ็นต์โดย นภา เศรษฐกร อธิบดี พส. มัก “เป็นคุณ” กับผู้ร่วมขบวนการโกงเงินผู้ยากไร้ .. ทะแม่งๆตั้งการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยไม่ร้ายแรง เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น 3 ราย .. ก่อนที่ “อธิบดีนภา” จะมาพลิ้วว่ามีการตั้งสอบวินัยร้ายแรงคู่ขนานกันไปก้วย นำมาสู่การพักและปลดเจ้าหน้าที่ 3 รายในที่สุด .. แต่ก่อนที่จะพักและปลดออกราชการ 1 ใน 3 เจ้าหน้าที่กลับได้รับการโปรโมต เลื่อนขั้นสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ..
ล่าสุดเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ก็กระซวกอีกดอก เมื่อพบว่า “เจ๊นภา”อวยตำแหน่งให้กับผู้ที่ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในขบวนการโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น อีก .. คือรายของ สายชล สมดา “ลูกจ้างชั่วคราว” ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สนับสนุนปฏิบัติงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ทีมทำงานของ พวงพยอม จิตรคง ผอ.ศูนย์ฯขอนแก่น ที่นอกจากจะได้ต่อสัญญาจ้างให้เป็นพิเศษแล้ว ยังบรรจุเป็น “พนักงานราชการ” ตำแหน่งนักพัฒนาสังคม ปฏิบัติงานศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ที่เดิม .. รายของ “สายชล” มีหลักฐาน และข้อมูลจาก “น้องแบม” พยานสำคัญของเรื่องนี้ว่า เป็นผู้สอนวิธีกรอกข้อมูลเท็จ และ สอนวิธีการเซ็นชื่อลายมือชาวบ้านด้วยการ “ทาบกระจก” ให้กับคนอื่นๆ ในขบวนการด้วย .. ทั้งนี้ ชื่อของ “สายชล” ถูกระบุถึงในการตรวจสอบหลายกรรม หลายวาระ ว่า มีความเกี่ยวข้องชัดเจน .. จนไม่น่าเชื่อว่า “อธิบดีนภา” จะไม่รู้เรื่อง ที่นอกจากจะไม่เคยแตะต้อง ไม่สอบสวนเอาผิดแล้ว ยังบรรจุเข้ารับราชการ เหมือนมี “ความดีความชอบ”อย่างไรอย่างนั้นเลย .. จนอดสงสัยในไมตรีจิตที่ “เจ๊นภา” มีให้กับ “เจ๊พวงพยอม” และทีมขอนแก่น ที่โดนชี้มูลความผิดวินัยแบบเรียบวุธไม่ได้ .. ยังดีที่การตรวจสอบภายในของกระทรวงฯ ไม่ได้สาวไปถึงเส้นทางเงินที่ทุจริตว่า สุดท้ายมี “เงินทอน” หล่นไปอยู่กระเป๋าใคร .. ถ้าสอบต่ออีกหน่อย ก็อาจจะเฉลยว่า “ไมตรีจิต”ที่อธิบดี พส. มีต่อขบวนการโกงผู้ยากไร้มราจากอะไร
**ไม่ล้มแต่มีร่วง!! เส้นทาง “ว่าที่ 7 อรหันต์ กกต.”ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 2 ตัวแทนสายศาล สนช.โหวตร่วง ท่วมท้นมาแล้ว อีก 5 ราย ก็อาจไม่สดใส ติดที่ “ชนัก” ล้มกระดานงวดก่อน สั่งล้มอีก มีหวังโดนขยี้ปม “ใบสั่งผู้มีอำนาจ”เละ งานนี้คงต้องปล่อยผ่านบางคน
เห็นหน้าค่าตากันไปแล้ว .. “ว่าที่ 7 อรหันต์” กรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านด่าน “สเปกเทพ”เข้ามาได้ .. ประกอบด้วย 5 ราย ที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นักวิชาการสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี .. สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ .. อิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ .. พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด และ ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ .. ส่วนอีก 2 คน ที่มาจากสายศาล ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ยืนยันส่ง ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ ปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็น 2 รายเดิม จากรอบที่แล้วกลับมา .. ต้องบอกว่า เส้นทางของทั้ง 7 ราย ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในชั้นตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม .. ตั้งแต่คำถามที่ว่า 2 ตัวแทนจากสายศาล ที่มีชื่อในชุดที่ถูกล้มกระดานไป ยังกลับเข้ารับการสรรหาได้อีกหรือไม่ .. ด้วยต้องไม่ลืมว่า หนก่อน สนช.ไม่ได้ลงมติล้มกระดานเฉยๆ แต่มีการโหวตเป็นรายบุคคล และมีคะแนนบันทึกชัดเจนว่า “ฉัตรไชย” ไม่ได้รับความเห็นชอบ 128 คะแนน ได้รับความเห็นชอบ 46 คะแนน ส่วน “ปกรณ์”ไม่ได้รับความเห็นชอบ 130 คะแนน ได้รับความเห็นชอบ 41 คะแนน .. แล้วมีเหตุผลกลใดที่เวลาผ่านมาไม่กี่เดือน สนช. จะโหวตแบบกลับตาลปัตรเห็นชอบทั้ง 2 คน ..
ส่วน 5 รายที่มาจากการสรรหานั้น ก็มี 2 ใน 5 ที่ลงสมัครเมื่องวดก่อน แต่ไม่ผ่านเข้าสู่รอบไฟนอล ก็ต้องตีความอีกว่า ถือว่าหมดสิทธิเหมือนคนที่เข้าสู่รอบสุดท้าย หรือไม่ .. ไม่เท่านั้นเมื่อพิจารณาลงลึกไปในประวัติ-วีรกรรมเก่าๆ ของว่าที่ กกต. แล้วก็พบว่า ภาพลักษณ์ออกไปในทาง “ขมุกขมัว” ไม่น่าเหมาะกับการทำหน้าที่ “กรรมการ” เท่าไร .. ทั้งรายของ “อธิบดีสมชาย” ผู้ก้าวหน้าในราชการ อย่างก้าวกระโดด เป็นอธิบดีตั้งแต่อายุน้อยๆ เคยตกเป็นจำเลยในคดีกล้ายาง 90 ล้านต้น ร่วมกับ เนวิน ชิดชอบ คนโตแห่งบุรีรัมย์ .. นอกจากนี้ “อธิบดีสมชาย”ก็เป็นเจ้าของวาทะอมตะ ที่ว่า “พวกจบวนศาสตร์เป็นคนโง่” ก่อนเจ้าตัวจะส่งหนังสือขอโทษ อ้างว่าเป็นการพูดเล่น หลังโดนถล่มเละจนแทบไม่มีที่ยืน .. แต่ด้วย “ชนัก” การล้มกระดานเมื่อครั้งแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าว “ใบสั่งผู้มีอำนาจ” ก็ทำให้เชื่อได้ว่า หนนี้คงไม่มีการล้มกระดานดื้อๆ กันอีก .. ตรงตามที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. แย้มๆ ออกมาว่า การเลือก กกต. ครั้งนี้ อาจมีผลเป็นไปในทิศทางที่ลงมติเห็นชอบบางคนและบางคนไม่เห็นชอบ .. หรือไม่ล้มกระดานแบบหนก่อน เปิดทางใหสรรหาคนใหม่เข้ามาเพิ่มเติม .. ส่งผลให้บรรยากาศที่ทำการ กกต. ดูชิลล์ๆชอบกล ก็ทั้ง ศุภชัย สมเจริญ ประธาน และ บุญส่ง น้อยโสภณ กกต. ที่อายุจะครบเกณฑ์ 70 ขวบ และต้องพ้นตำแหน่งอยู่รอมร่อ .. ก็ยังไม่มีทีท่าจะนับถอยหลังลงจากตำแห่ง แว่วมาว่า มีสัญญาณให้อยู่ยาว .. ก็แสดง ว่า “กกต.ใหม่”คงยังไม่ได้ตัวในเร็วๆ นี้
ช.ชฎา