หัวหน้า ปชป.มองการเมืองของไทยหากจะก้าวไปข้างหน้าสิ่งที่คาดหวังมี 3 ข้อ ไม่ควรหมกมุ่นใครเป็นพวกใคร ชี้วัฒนธรรมดูดควรเลิก ถ้าคิดอนุรักษ์แบบเดิมก็ต้องยอมรับสภาพเดิม ส่งเสริม ปชช.มีส่วนร่วมปราบโกง
วันนี้ (30 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเมืองของไทยหากจะก้าวไปข้างหน้าสิ่งที่คาดหวัง คือ 1. เป็นการเมืองแก้ปัญหาของประเทศไทย ตนพยายามเรียกร้องว่าวันนี้ทำไมเราถึงมาหมกมุ่นว่าใครจะเป็นพวกใคร จับมือใคร ไปเอาใครมาอยู่ตรงไหน มากกว่าที่จะบอกว่าตรงลงคนที่เสนอตัวเข้ามาสู่การเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า มองปัญหาของประเทศอย่างไร และมีแนวทางแก้ปัญหาประเทศอย่างไร แทนที่จะมาตอบโต้กันอย่างขณะนี้ สมมติเอาเรื่องระบบราชการ แต่ละฝ่ายคิดอย่างไร มีใครบ้างสนับสนุนการกระจายอำนาจไปถึงขั้นที่จะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การที่มองว่าการเมืองระบบราชการต้องรวมศูนย์เพื่อเกิดความเข้มแข็งในส่วนกลาง หรือเศรษฐกิจ เราจะจัดการกับทุนต่างชาติขนาดใหญ่กันอย่างไร ระบบการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น ทำไมเราไม่เอาการเมืองมาถกถียงเรื่องเหล่านี้ เพราะการเมืองมีไว้เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ได้มีไว้เพื่อแย้งชิงกัน
“ผมหงุดหงิดมาตลอด ทำไมผู้มีอำนาจในปัจจุบันชอบมองว่าการเมืองเป็นเรื่องพรรคการเมืองที่จะมาแข่งกันตอนเลือกตั้ง เรื่องอื่นไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้น แล้วก็มาบอกว่าทำตามกฎหมายที่เขียนมาเพื่อแข่งขันกันในการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้เอาเรื่องของสาระว่าแข่งขันกันเรื่องอะไร” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 2. การเมืองที่ลดความขัดแย้ง ตนมองว่าถ้าเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้งก็ลดความขัดแย้งลงได้ แต่พอเราทำการเมืองเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในที่สุดก็เป็นเรื่องพวก กลายเป็นพวกเราพวกเขา ก็เกิดความขัดแย้งกันเอง และที่บอกว่าเรื่องดูดเป็นวัฒนธรรมที่เคยทำมาซึ่งปกติจะใช้คำว่าวัฒนธรรมคือเรื่องเจริญงอกงาม แต่อะไรที่เคยๆ ทำมาแล้วเรียกว่าวัฒนธรรมก็ควรเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงหรือยกเลิกวัฒนธรรมนั้น เพราะเราจะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้ วันหนึ่งบอกว่าอยากให้การเมืองดี ก้าวหน้า ถึงเวลาแล้วมาบอกว่าเรื่องที่ทำกันมา เป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยก็ต้องทำอย่างนี้ต่อไป ถ้าคิดจะอนุรักษ์แบบเดิมก็ต้องยอมรับสภาพว่าทุกอย่างก็จะเป็นแบบเดิม แต่ถ้าอยากได้ของใหม่ ก็ต้องกล้าที่จะบอกว่าบางเรื่องที่เคยทำมาต้องเลิกทำแล้ว ก็จะช่วยลดความขัดแย้ง ไปได้ส่วนหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 3. การเมืองที่สุจริต คือปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเหลือน้อยที่สุด หรือหมดไป เป็นประเด็นที่ควรจะเป็นจุดร่วมของทุกฝ่าย ตนมองว่าการเมืองที่สร้างสรรค์ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน วันนี้เลยเรื่องที่จะไปคิดมาตรการทางกฎหมายแล้วไปฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องหาวิธีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สังคม ความโปร่งใส และคนที่กล้าออกมาตรวจสอบโดยไม่ไปปิดปากเขา และต้องให้รางวัลเพื่อเป็นการถ่วงดุล สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเมืองเดินไปได้
เมื่อถามว่า หากนักการเมืองเข้ามาแล้วมีการทุจริตแต่ประชาชนก็ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนถึงบอกว่าของเก่าแบบเดิมเราเคยเห็นกันมากแล้ว ถ้ายังจะเอาแบบเดิมๆ อีก เราเข็ดหรือยัง ถามว่าจะมีคนที่ทำแบบเก่าๆ หรือไม่ก็มีแน่ เดิมก็มีนักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่ทำอย่างนั้น วันนี้ถ้าจะมาสร้างการเมืองใหม่หรือเคยพูดเอาไว้ว่ามีหน้าที่สร้างการเมืองใหม่มาทำเองก็เป็นการเมืองเก่า ฉะนั้นวันนี้ก็ต้องให้สังคมเป็นคนตัดสินต่อว่าจะเอาการเมืองเก่าหรือการเมืองใหม่