ปธ.กสม. เผย ชง 12 ข้อเสนอให้ ครม. ทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน หวังยกระดับมาตรฐานประเทศ พร้อมแนะสร้างหลักประกันการเคารพสิทธิมนุษยชนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เผย 16 ปี มีร้องการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจเกือบ 2,200 เรื่อง
วันนี้ (29 เม.ย.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. กสม. ได้ส่งข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights - NAP) ให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอของ กสม. เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญแห่งมาตรา 247 (3) และ พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 26 (3) และมาตรา 42 ให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร่งด่วน อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามปฏิญญาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในประเทศไทยที่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคธุรกิจ และ กสม. ได้ร่วมลงนามในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “การเผยแพร่และขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในประเทศไทย” ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 60
สำหรับข้อเสนอแนะของ กสม. ต่อการจัดทำแผนฯ ดังกล่าวครอบคลุมหลักการเคารพ ปกป้อง และเยียวยา อันเป็น 3 เสาหลักพื้นฐานของ UNGPs ที่ประเทศไทยให้การรับรอง ตลอดจนข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 12 ข้อ จำนวน 49 หน้า ได้แก่ การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและมาตรการการแก้ไขปัญหาด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน มาตรการป้องกันและเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ การนำนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม การให้รัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการเคารพและส่งเสริมการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรภาคเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการทางกายภาพ การขนส่ง สารสนเทศการสื่อสาร และบริการอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะเรื่องการสร้างหลักประกันการเคารพสิทธิมนุษยชนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจศึกษาแนวทางในการเสริมสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ รวมถึงการนำหลักการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างยั่งยืน มาใช้ในทางปฏิบัติ การสร้างหลักการสำคัญที่จะประกันว่าการลงนามในสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศของไทยจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคธุรกิจจัดทำรายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน และเปิดเผยต่อสาธารณะ
นายวัส กล่าวว่า แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนยังควรระบุถึงแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหาช่องว่างทางกฎหมายและกระบวนการทางปกครองที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ รวมถึงการเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีโดยไม่สุจริตหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบหรือฟ้องคดีเพื่อสกัดกั้นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งควรระบุถึงกลไกการเยียวยานอกกระบวนการยุติธรรมของรัฐ และการออกกฎหมายว่าด้วยการเยียวยานอกกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้หน่วยงานสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกลไกการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2544 - 2560 กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนจำนวน 2,199 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมทั้งที่เกิดในประเทศไทยและจากโครงการลงทุนหรือพัฒนาทั้งของรัฐและเอกชนสัญชาติไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาสิทธิแรงงาน แรงงานข้ามชาติ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งคำร้องเรียนส่วนใหญ่มีลักษณะที่ไม่อาจดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นได้เฉพาะตัวเป็นรายกรณี
จากเหตุดังกล่าวไทยจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบาย แนวปฏิบัติ และสภาพแวดล้อมให้ตอบสนองต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น กสม. จึงได้จัดทำข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้รับผิดชอบ นำข้อเสนอของ กสม. ไปพิจารณาประกอบการจัดทำแผนฯ ที่รัฐบาลมุ่งหวังจะให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 เพื่อให้การขับเคลื่อนหลักการชี้แนะฯ บังเกิดผลและเกิดการสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง