“ประวิตร” ประชุมหน่วยงานความมั่นคงแบบเต็มระบบ ป้องกันเหตุป่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ หาทางลดอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ เข้มสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ “เรียกรับส่วย” อย่างเด็ดขาด
วันนี้ (2 เม.ย.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมฝ่ายความมั่นคงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตำรวจทุกจังหวัด รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ อุดรธานี และสงขลา ผ่านระบบทางไกล เพื่อเตรียมความพร้อมรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสังคม การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ณ ศาลาว่าการกลาโหม
เขากล่าวว่า ภาพรวมมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยทางสังคม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ฝ่ายความมั่นคง ยังคงให้ความสำคัญต่องานด้านการข่าว การบูรณาการการทำงานร่วมกัน รวมทั้งจัดให้มีแผนเผชิญเหตุหรือมาตรการรองรับเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินระดับพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยในพื้นที่ชั้นในจะจัดเป็นพื้นที่จัดงานเฉพาะ (Zoning) และขอความร่วมมืองดจำหน่ายแอลกอฮอล์ รณรงค์แต่งกายให้เหมาะสม และร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นภัยกับสังคมและสถานประกอบการที่เป็นแหล่งมั่วสุม การเพิ่มแสงสว่างและกล้องวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในพื้นที่ชั้นนอกที่ติดประเทศเพื่อนบ้าน ฝ่ายความมั่นคงยังคงเข้มสกัดกั้นอาชญากรรม ยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนภาพรวม
สำหรับการดำเนินงานตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 61 ช่วงคุมเข้ม 7 วันอันตราย (11-17 เม.ย. 61) จะเน้นทำงานร่วมกันระดับพื้นที่มากขึ้น โดยมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ( ศปถ.) ตั้งแต่ระดับจังหวัดลงถึงระดับท้องถิ่น เพื่อบริหารข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนย้อนหลัง 3 ปีในแต่ละกลุ่มพื้นที่เฝ้าระวัง และปัจจัยเสี่ยง ทั้งด้านคน ด้านยานพาหนะ ด้านถนนและด้านสภาพแวดล้อม โดยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงเข้มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่องกับ ผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ประมาท ขาดวินัยและไม่เคารพกฎจราจร โดยเฉพาะขับรถเร็ว เมาสุรา ไม่มีใบขับขี่ การขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย, ยานพาหนะที่ดัดแปลงและไม่ปลอดภัย , การปรับปรุงเสริมความปลอดภัยกับถนนที่เป็นจุดเสี่ยง จุดอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยจากการชำรุดของผิวถนนและพื้นที่ก่อสร้าง รวมทั้งเพิ่มแสงสว่างและป้ายสัญญาณ, การจัดตั้ง “ด่านชุมชน” และ “สถาบันครอบครัว” เฝ้าระวังกันเอง, การขอความร่วมมือผู้ประกอบการหยุดหรือหลีกเลี่ยงกิจการรถบรรทุกช่วงเทศกาลสงกรานต์
โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้ขอบคุณทุกส่วนราชการที่เตรียมความพร้อมและให้ความสำคัญกับแผนบูรณาการฯดังกล่าว พร้อมทั้งได้กำชับให้ทุกส่วนราชการตื่นตัวและให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านการข่าว เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรมและป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด จากกลุ่มหัวรุนแรง/เห็นต่าง ที่ต้องการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะศูนย์กลางระบบขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำและอากาศ รวมทั้งจุดเสี่ยงอื่นๆ ขณะเดียวกัน ในพื้นที่จัดงานที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมระดับพื้นที่โดยมีแผนเผชิญเหตุและการซักซ้อมร่วมกัน มีการหมุนเวียนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่
สำหรับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ ศปถ.ในทุกระดับ ต้องถือเป็นหน้าที่และจริงจังในการนำข้อมูลทางสถิติและปัจจัยเสี่ยงระดับพื้นที่ที่ผ่านมา ไปบริหารงานและปรับแก้ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ พร้อมทั้งเตรียมชุดปฏิบัติงานเร่งด่วน ตอบสนองการแจ้งเหตุจากประชาชน
พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ สตช.เพิ่มความถี่การตรวจ เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจราจรและมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุตามคำสั่ง คสช.อย่างเคร่งครัด โดยตำรวจทางหลวงรับผิดชอบในเส้นทางสายหลัก กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบในเส้นทางสายรองและให้ความสำคัญต่อการทำงานของด่านชุมชน โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงกลางคืน ทุกด่านตรวจต้องใช้คำพูดสุภาพ วาจาเป็นมิตร และต้องไม่มีการเรียกรับส่วยโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมแผนด้านการตอบสนองหลังการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการการประสานความร่วมมือกับสื่อมวลชน ร่วมประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้และรณรงค์การมีส่วนร่วมของประชาชนควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นเทศกาลแห่งความสุข ปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม หากมีเหตุความไม่มั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แจ้ง 1190, พบการชำรุดของเส้นทางที่เป็นเหตุของอุบัติเหตุ แจ้ง 1586, พบความเสี่ยงหรืออุบัติเหตุบนทางหลวง แจ้ง 1193, พบเหตุด่วน เหตุร้าย แจ้ง 191