สรุปยอดสมาชิก ปชป. รายงานตัววันแรก 1,308 คน เงินบำรุงพรรคทะลุล้าน ผอ.ปชป. อัดคสช. ออกกติกามั่ว กกต. กลัวหงอลืมหน้าที่หนุนพรรคการเมืองสร้างภาระให้ประชาชน ลั่นอยู่ไปไร้ประโยชน์
วันนี้ (1 เม.ย.) น.ต.สุธรรม ระหงส์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเปิดรับการลงทะเบียนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค วันแรก ว่า ยอดสรุปผู้ที่มาแสดงตนเมื่อเวลา 16.00 น. จำนวน 1,308 คน แบ่งเป็นสมาชิกตลอดชีพ จำนวน 556 คน และสมาชิกแบบรายปี 752 คน รวมเงินค่าบำรุงพรรคทั้งสิ้น 1,187,200 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. เป็นต้นไป สมาชิกพรรคยังมาสามารถมาลงทะเบียนดังกล่าวได้ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลาราชการ หรือที่สาขาพรรคทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางพรรคพบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่บางคนนำบัตรมายืนยันว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อไปตรวจสอบฐานข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ามีชื่อเป็นสมาชิกพรรคอื่นด้วย จึงยังไม่สามารถลงทะเบียนกับเราได้ ต้องไปลาออกจากพรรคอื่น และต้องรอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้พรรคการเมืองเปิดรับสมาชิกใหม่ คนเหล่านี้จึงจะมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบปัญหาอุปสรรคหลายอย่าง อาทิ การที่สมาชิกต้องชำระค่าบำรุงพรรค และการให้เวลาดำเนินการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เม.ย. นี้ ก็จำกัดมาก เพราะในเดือนนี้มีวันหยุดราชการหลายวัน ซึ่งรวมถึงเทศกาลสงกรานต์ด้วย จึงเหลือวันทำการแค่ 17 วัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องหารือว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร อีกทั้งยังมีความไม่ชัดเจนของ กกต. หลายเรื่อง อาทิ การที่ห้ามพรรคการเมืองทำการประชาสัมพันธ์ แต่ให้สื่อสารกับสมาชิกได้ ซึ่งเราไม่ทราบว่าหมายถึงวิธีการใด และทำได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้ง กกต. เพิ่งชี้แจงความชัดเจนกับพรรคต่างๆ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้แต่ละพรรคมีเวลาประสานงานกับสมาชิกน้อยมาก แม้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้แอพพลิเคชั่นมาอำนวยความสะดวกให้สมาชิก แต่ยังทำให้สมาชิกต้องไปจ่ายค่าบำรุงพรรคที่ธนาคาร ซึ่งเป็นการสร้างภาระแก่สมาชิก ขณะเดียวกัน การที่พรรคต้องการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อมารองรับงานตรงนี้ ก็มีข้อจำกัดที่พรรคต้องขอมติจากคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อขอเปิดบัญชี แต่ก็เรียกประชุม เพราะติดคำสั่ง คสช. ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจการใดๆ
“ปัญหาทั้งหมดเป็นเพราะความไม่ชัดเจนของกติกาของ คสช. และความไม่ชัดเจนในการนำมาปฏิบัติของ กกต. ที่ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความอำนวยความสะดวกให้พรรคการเมืองตามกฎหมายที่ให้กกต. มีหน้าที่ต้องทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง มีแต่ตีความเข้าข้าง คสช. ตลอด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคำสั่งเหล่านี้ขัดกันเอง บางเรื่องไม่สามารถปฏิบัติ บางเรื่องไม่มีความชัดเจน สร้างความสับสนและเป็นภาระให้ประชาชนและพรรคต่างๆ เขาสั่งอะไรมา กกต. ก็ไม่มีปากเสียง อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่ กกต. จะอยู่ต่อ” น.ต.สุธรรม กล่าว